อมธ.ออกแถลงการณ์ร่วมประณามส.ว.ทําลายประชาธิปไตย-ย่ำยีมติมหาชน



อมธ.,สภานศ.ม.ธรรมศาสตร์และกรรมการนศ.29สถาบันออกแถลงการณ์ร่วม ประณามส.ว.ทําลายประชาธิปไตยและย่ำยีมติมหาชนเตือนความอดทนของประชาชนมีขีดความจำกัด

  • เตือนไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
  • เมื่อความหวังของประชาชนถูกทำลาย
  • ความฝันของประชาชนถูกย่ำยีลงด้วยมือของพวกท่าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 ได้มีแถลงการณ์ร่วมขององค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และคณะกรรมการนักศึกษา 29 คณะ/สถาบัน/วิทยาลัย/หลักสูตร เรื่องประณามการทําลายระบอบประชาธิปไตยและย่ำยีมติมหาชนของสมาชิกวุฒิสภา โดยระบุว่าภายหลังจากการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 ได้เสร็จสิ้นลง มีการรวมตัวกันของนักการเมืองที่ได้รับเสียงข้างมากจากเสียงของประชาชน ก่อตั้งเป็นกลุ่ม “8 พรรคร่วมรัฐบาล” ซึ่งมีความเห็นพ้องต้องกันในการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคที่ได้รับคะแนนเสียงเลือกตั้งเป็นอันดับที่ 1 ให้ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย

แต่ด้วยกลไกอันบิดเบี้ยวของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่ให้อำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเหตุให้แม้ประชาชนจะแสดงฉันทามติอย่างเด็ดขาดในคูหาเลือกตั้ง ก็จำเป็นที่ต้องวิงวอนร้องขอให้สมาชิกวุฒิสภาทั้งหลาย ดำรงไว้ซึ่งหลักการและมองเห็นแก่อนาคตของประเทศไทยในภายภาคหน้า โดยมีการเรียกร้องจากภาคประชาชนและองค์กรในทุกวิถีทางตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งท้ายที่สุดปรากฎว่าไม่เป็นผล

ในวันนี้ชัดเจนแล้วว่าสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ส่วนใหญ่คือผู้ทรงคุณวุฒิ ยึดถือเอาความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่มากกว่าความคิดเห็นของประชาชน ยอมให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟดีกว่าต้องอดทนเห็นประเทศขับเคลื่อนด้วยกลุ่มคนที่ไม่ใช่พวกพ้องตนเอง สะท้อนให้เห็นถึงทิฐิอันมากล้นของวุฒิสภา และความไร้ภูมิปัญญาด้านประชาธิปไตย

พวกเราในนามของนักศึกษา ในนามของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และในนามของประชาชนคนไทย ไม่มีถ้อยคำใดจะกล่าวกับพวกท่านอีกต่อไปเพราะรู้ดีว่าคงไม่เป็นผล หากอยากย้ำเตือนไว้ว่าสิ่งที่ท่านได้กระทำลงไปในวันนี้และหลังจากนี้ทั้งหมดจะถูกจารึกไว้ประวัติศาสตร์ชาติไทยในฐานะของผู้บ่อนทำลายประชาธิปไตย และขัดขวางความเจริญก้าวหน้าของประเทศ

ท้ายที่สุดนี้เราอยากย้ำเตือนความอดทนของประชาชนนั้นมีขีดความจำกัด หากการเปลี่ยนอย่างสันติวิธีผ่านคูหาเลือกตั้งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้ ก็มิอาจรู้ว่าในภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างเมื่อความหวังของประชาชนถูกทำลาย เมื่อความฝันของประชาชนถูกย่ำยีลงด้วยมือของพวกท่าน

แล้วพบกันเมื่อเวลานั้นมาถึง…