“อธิบดีกรมชลประทาน” สั่งด่วนบริหารจัดการรับมือน้ำหลากภาคอีสาน



  • กำชับให้สำนักงานชลประทานที่ 5 – 8 บริหารจัดการจัดจราจรแม่น้ำชี-มูล
  • วางแผนผลักดันน้ำชีลงน้ำโขง โดยหน่วงน้ำมูลไว้
  • เผยปัจจุบันสถานการณ์น้ำในอีสาน มีน้ำรวมกัน 3,568 ล้านลูกบาศก์เมตร

นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ทางกรมฯ ได้ประชุมเตรียมความพร้อมรับมือน้ำหลากฤดูฝนปี 2563 และการติดตามการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์สภาพอากาศวันที่ 14-20 ส.ค.2563 จะเกิดฝนตกฟ้าคะนอง 40-60% ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ได้แก่จังหวัดขอนแก่น, ชัยภูมิ, เลย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, หนองคาย, บึงกาฬ, สกลนคร และนครพนม จึงกำชับให้สำนักงานชลประทานที่ 5 – 8 บูรณาตามมาตรการบริหารจัดการจัดจราจรน้ำชี-มูล 

โดยเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำชี ให้ไหลลงแม่น้ำมูลออกสู่แม่น้ำโขงโดยเร็ว ด้วยการเปิดบานระบายของเขื่อนในแม่น้ำชีทุกแห่ง และใช้เครื่องผลักดันน้ำเข้าไปเสริม รวมทั้งชะลอน้ำจากแม่น้ำมูล โดยการลดบานระบายของเขื่อนราศีไศลลง ซึ่งจะควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบบริเวณด้านเหนือของเขื่อนราศีไศลด้วย หากปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลที่ไหลมาจากจังหวัดนครราชสีมา, บุรีรัมย์ และสุรินทร์ มีมาก จะยกบานระบายทั้งหมดพ้นน้ำทันที เพื่อลดการเกิดผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่

นายทองเปลว กล่าวว่า ในส่วนของลุ่มน้ำที่มีฝนตกชุกนั้น ได้ให้ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 6 ทำงานร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่นจัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจป้องกันอุทกภัยลุ่มน้ำยัง เร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เตรียมพร้อมด้านเครื่องจักร-เครื่องมือ เพื่อป้องกันการเกิดอุทกภัย รวมไปถึงการจัดจราจรทางน้ำ โดยการตัดยอดน้ำในลำน้ำลงสู่ลำห้วยวังหลวง และแก้มลิงธรรมชาติ เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง 

นอกจากนี้ยังได้วางแผนขุดลอกตะกอนทรายบริเวณฝายบ้านท่าลาด รวมทั้งติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำตามพื้นที่จุดเสี่ยงต่างๆ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อประชาชน พร้อมจัดตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพื่อตรวจวัดระดับน้ำในพื้นที่  หากฝนตกต่อเนื่องจนอาจเกิดความเสี่ยงต่างๆ แล้วเร่งบริหารจัดการ ระบายน้ำ และผลักดันน้ำตามแผนที่กำหนดไว้

สำหรับสถานการณ์น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออกฉียงเหนือ ปัจจุบันมีน้ำในอ่างเก็บน้ำรวมกันประมาณ 3,568 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 34% ของความจุอ่าง โดยเป็นน้ำใช้การได้ 1,956 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งยังสามารถรับน้ำได้รวมกันอีกกว่า 7,000 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันจัดสรรน้ำไปแล้วประมาณ 1,289 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 38% ของแผนการจัดสรรน้ำ เพาะปลูกข้าวนาปีไปแล้วกว่า 3 ล้านไร่