

- เห็นสัญญาณการระบาดก่อตัวในช่วงเดือนที่ผ่านมา
- ตัวเลขผู้ติดเชื้อดังกล่าวเพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
- เริ่มจากการเป็นไข้และเกิดผื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นสะเก็ด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักข่าวต่างประเทศเอเอฟพี ได้รายงานนายฮานส์ คลู้ก ผู้อำนวยการภาคพื้นยุโรปขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันศุกร์ 1 ก.ค. 2565 ณ กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก โดยมีการเรียกร้องให้ชาติยุโรปดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการรับมือกับโรคฝีดาษลิง หลังเริ่มเห็นสัญญาณการระบาดก่อตัวในช่วงเดือนที่ผ่านมา
นายฮานส์ คลู้ก กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกขอเรียกร้องให้ชาติยุโรป ทั้งรัฐบาลและภาคสังคม เพิ่มความพยายามในการป้องกันไม่ให้โรคฝีดาษลิงลุกลามไปทั่วพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ และขอให้คำนึงว่า การดำเนินการอย่างเร่งด่วนและประสานความร่วมมือกันเป็นสิ่งจำเป็น
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม มีการตรวจพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงเพิ่มขึ้นนอกทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นถิ่นกำเนิดของโรคไวรัสชนิดนี้ ซึ่ง90% ของผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันจากห้องปฏิบัติการทั้งหมดที่รับรองโดยองค์การอนามัยโลก หรือคิดเป็นจำนวนผู้ติดเชื้อประมาณ 4,500 คน มีถิ่นฐานใน 31 ประเทศของทวีปยุโรป
อย่างไรก็ตาม ยุโรปยังคงเป็นศูนย์กลางของการระบาดที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้มีความเสี่ยงสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยองค์การอนามัยโลกไม่ได้พิจารณาว่าการระบาดของโรคฝีดาษลิงในปัจจุบันถือเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่เป็นความกังวลระหว่างประเทศ แต่จะทบทวนจุดยืนในไม่ช้านี้
ขณะที่องค์การอนามัยโลกระบุว่า การติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่พบในผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน, อายุน้อย และอยู่ในเขตเมือง แม้มีการดำเนินการตรวจสอบความเป็นไปได้ในกรณีของการแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ แต่ยังยืนยันว่าการแพร่กระจายของเชื้อ เกิดผ่านการสัมผัสใกล้ชิด โดยโรคฝีดาษลิง เกิดจากเชื้อไวรัสประเภทเดียวกับไข้ทรพิษซึ่งเป็นโรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนนับล้านทั่วโลกในแต่ละปี ก่อนจะค้นพบการรักษาจนโรคดังกล่าวหมดไปจากโลกนี้ในปี 2523 อย่างไรก็ตาม ฝีดาษลิงมีอาการของโรค รุนแรงน้อยกว่ามาก โดยจะเริ่มจากการเป็นไข้และเกิดผื่นขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นสะเก็ด ซึ่งปกติอาการจะไม่รุนแรงและมักจะหายไปเองตามธรรมชาติหลังจากผ่านไปสองถึงสามสัปดาห์
ส่วนสหราชอาณาจักรมีจำนวนผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่ได้รับการยืนยันแล้ว จำนวนมากที่สุดจนถึงปัจจุบัน คือ 1,076 ราย ตามสถิติของหน่วยงานสาธารณสุขในประเทศ ขณะที่เยอรมนีมี 838 ราย, สเปน 736 ราย, โปรตุเกส 365 ราย และฝรั่งเศส 350 ราย จากการอ้างอิงตามข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งภาคพื้นยุโรป.