

อคส. วอนกรมบัญชีกลาง ขยายเวลาเก็บรักษาเงินงบประมาณปี 62 -63 เพื่อใช้ในการต่อสู้คดี เหตุมีคดีทุจริตจำนำข้าวมากถึง 1,143 คดีที่ต้องต่อสู้
- อ้อนกรมบัญชีกลางยืดอายุใช้บปี 62-63
- ถึงเดือนมี.ค.67 หรือต่อสู้คดีถึงศาลฎีกา
- ลั่นถ้าไม่ได้รัฐจ่อเสียหายร้ายแรง
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ผู้อำนวยการ องค์การคลังสินค้า (อคส.) เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง เพื่อขอให้พิจารณาขยายระยะเวลาเก็บรักษาเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ 62 และปีงบ 63 รวมทั้งสิ้น 780.26 ล้านบาท ไปจนถึงเดือนมี.ค.67 หรือจนกว่าภาระผูกพันในการดำเนินโครงการของรัฐบาล หรือภาระผูกพันทางคดีที่อคส.ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งก็คือ การต่อสู้ทางคดีจนถึงศาลฎีกา เสร็จสิ้น จากเดิมที่กรมบัญชีกลางได้ขยายระยะเวลามาแล้ว 4 ปี และสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.66
สำหรับงบประมาณดังกล่าว อคส.ได้รับการจัดสรร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้อคส.ดำเนินแทนรัฐจนถึงที่สุด หากกรมบัญชีกลาง ไม่ขยายระยะเวลาการใช้งบ ทั้งที่การดำเนินการยังไม่ถึงที่สุด เท่ากับกรมบัญชีกลาง เป็นผู้ยกเลิกให้อคส.ดำเนินการแทนรัฐไปโดยปริยาย และหากมีความเสียหายเกิดขึ้นต่อรัฐ อคส.คงไม่สามารถรับผิดชอบได้
ทั้งนี้ อคส.ได้รับจัดสรรปีงบ 62 และปีงบ 63 รวม 2,000 กว่าล้านบาท ซึ่งได้นำมาใช้ดำเนินการต่างๆ เช่น เป็นค่าธรรมเนียมศาล ในการต่อสู้คดีที่อคส.ฟ้องร้องผู้กระทำผิดในโครงการรับจำนำข้าว 1,143 คดี รวมความเสียหายกว่า 494,200 ล้านบาท ซึ่งกรมบัญชีกลาง ขยายเวลามาให้หลายครั้ง และจะสิ้นสุดสิ้นดือนก.ย.66 ล่าสุดเหลือ 780.26 ล้านบาท

“แต่คดีไม่ได้จบภายในปีงบประมาณ ยังต้องต่อสู้กันในชั้นศาลจนกว่าจะถึงที่สุด หรือจนกว่าจะถึงศาลฎีกา หากกรมบัญชีกลาง ไม่ขยายระยะเวลาให้อีก อคส.คงไม่มีงบไปต่อสู้คดี ทั้งๆ ที่อคส.ต้องขึ้นศาลทุกสัปดาห์ และหากอคส.ไม่ไปขึ้นศาล หรือหยุดต่อสู้ คงสร้างความเสียหายให้กับรัฐจำนวนมาก”
อย่างไรก็ตาม หากกรมบัญชีกลาง จะให้อคส.คืนงบปี 62 และปี 63 ที่เหลือ 780.26 ล้านบาท และให้ใช้งบปี 67 มาต่อสู้คดี ก็เหมือนเป็นการเริ่มนับต้นนับหนึ่งใหม่ และที่สำคัญ กระบวนการของบปี 67 อาจไม่ทัน อีกทั้งหากให้สำรองจ่ายไปก่อน อคส.ก็ไม่มีเงินสะสมของตนเองที่จะนำมาต่อสู้คดี จึงอาจส่งผลเสียหายร้ายแรงต่อรัฐ
สำหรับความคืบหน้าการต่อสู้คดีนั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 15 ก.ย.66 คดีแพ่งของศาลปกครอง อคส.ชนะ 40 คดี โดยศาลปกครองชั้นต้นมีคำพิพากษาให้คู่สัญญาชดใช้ให้อคส.รวม 2,309 ล้านบาท และอคส.แพ้ 30 คดี ศาลพิพากษาให้อคส.ชดใช้ให้คู่สัญญา 683 ล้านบาท โดยมีส่วนต่างให้อคส.ได้รับการชดใช้มากถึง 1,636 ล้านบาท ถ้าได้รับการชดใช้มา ก็จะเป็นรายได้ของรัฐ แต่อคส.ได้อุทธรณ์ให้คู่สัญญาต้องจ่ายชดใช้เพิ่มขึ้นอีก
ส่วนคดีอาญา 897 คดีนั้น อคส.ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อกองปราบปรามแล้ว คดีอยู่ระหว่างดำเนินการของพนักงานสอบสวน 52 คดี, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) 440 คดี, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) 36 คดี, พนักงานอัยการ 132 คดี และศาล 172 คดี โดยมีคดีถึงที่สุดแล้ว 65 คดี
นอกจากนี้ ยังมีข้าวสารในสต๊อกรัฐ ที่อยู่ในความดูแลของอคส.อีก 36,285 ตัน โดยจำนวนนี้ 21,272 ตันเป็นข้าวที่โรงสียึดหน่วง ซึ่งอยู่ระหว่างรออัยการสั่งฟ้อง และร้องขอศาลคุ้มครองชั่วคราว ให้โรงสีปล่อยข้าวให้กับผู้ชนะประมูล ส่วนอีก 15,013 ตัน ผู้ซื้อไม่มารับมอบข้าว และอคส.จะนำมาเปิดประมูลขายใหม่