

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ผู้ก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทย และอดีตรมว.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัวว่า วันนี้ยอดคนติดเชื้อพุ่งเป็น 2,839 ราย (ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขจริงสูงกว่านี้มาก เพราะประชาชนเข้าถึงการตรวจได้น้อยมาก) ป่วยหนัก 113 ราย เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 1-24 เมษายน 35 ราย โดยวันนี้เสียชีวิต 8 ราย นอกจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่สูงแล้ว ตัวเลขที่น่าห่วงใยคือ ผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตที่มากกว่าในช่วงการระบาดที่ผ่านมา ทั้งที่เชื้อตัวใหม่ B117 ที่ระบาดในรอบนี้ติดง่าย แต่อาการไม่หนักแล้วทำไมแค่ 24 วันนี้ จึงมีผู้เสียชีวิตสูงถึง 35 รายจากยอดสะสมตั้งแต่ปีที่แล้ว 129 คน
สาเหตุที่ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วยหนักและเสียชีวิตพุ่ง เป็นเพราะประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่มีปัญหา โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่เป็นเมืองหลวงของประเทศ กล่าวคือ
เทรดฟอเร็กซ์ไปกับโบรกฯที่มีความน่าเชื่อถือระดับโลก
IC Markets
- ประชาชนธรรมดาที่ไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะเสียค่าใช้จ่ายในการตรวจเอง เข้าถึงการตรวจหาเชื้อยากมาก ทำให้มีผู้ติดเชื้ออยู่ภายนอกมาก หลายคนไม่แสดงอาการ แต่แพร่เชื้อได้ ยอดผู้ติดเชื้อจึงพุ่งสูง ส่วนอีกหลายรายที่มีอาการ แต่เข้ารับการตรวจไม่ได้ รอจนปอดติดเชื้อไปแล้ว เลยอาการหนัก และเสียชีวิตอย่างรายของ น้องอัพ VGB” กุลทรัพย์ วัฒนผล ที่เขียนลงเฟสบุ๊กว่า พยายามติดต่อทุกช่องทาง เพื่อให้ได้ตรวจ ได้เข้าโรงพยาบาล ในที่สุดเราก็ต้องเสียอนาคตของชาติไปอีกคน
- มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ตรวจพบว่าติดเชื้อแล้ว แต่โรงพยาบาลไม่มีเตียง ให้กลับไปเฝ้าดูอาการที่บ้าน ก็ไปแพร่เชื้อให้คนที่บ้าน และตัวเองก็ป่วยหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าโรงพยาบาล จึงกลายเป็นผู้ป่วยหนัก ต้องเข้าห้อง ICU บางรายรอจนเสียชีวิต เช่น อาม่าที่บางคอแหลม หรือที่คลองเตย ทั้งหมดเป็นความบกพร่องในการบริหารจัดการทั้งสิ้น
ดิฉันขอเสนอให้เร่งแก้ไขทั้งในเรื่องเตียงและการตรวจหาผู้ติดเชื้อให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ มิเช่นนั้นเราจะต้องเจอกับสภาวะผู้ป่วยหนักล้น จนระบบสาธารณสุขเรารับไม่ไหว ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ เช่น เครื่องช่วยหายใจไม่พอ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขก็จะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้น
โดยขอแนะนำให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ดังต่อไปนี้ ซึ่งข้อเสนอเหล่านี้ ดิฉันเคยเสนอมาหลายครั้งแล้ว
- ต้องเร่งกระจายงบประมาณและอำนาจ จากส่วนกลางไปให้ทุกโรงพยาบาลทุกสังกัดอย่างเร่งด่วน เพื่อให้ผู้บริหารโรงพยาบาลมีงบประมาณที่จะบริหารจัดการ ดูแลผู้ป่วยได้อย่างเพียงพอ เช่น เตียงไม่พอ ผู้บริหารโรงพยาบาลจะได้มีงบประมาณไปเช่าโรงแรม ทำเป็นสถานพยาบาลชั่วคราว(Hospitel) ได้ทันที ไม่ต้องไปรอส่วนกลางทำเตียงสนามที่สภาพไม่เหมาะสมให้เป็นที่พักรักษา เพื่อนำผู้ติดเชื้อที่มีอาการเข้ารักษาในโรงพยาบาล ส่วนผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ มีอาการน้อย ไปอยู่ใน Hospitel
- ทำให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจหาเชื้อได้ง่าย และฟรี โดยแก้ไขระบบงบประมาณและระเบียบที่เป็นอุปสรรค โดยขณะนี้ สปสช. จ่ายค่าตรวจ COVID-19 รายละ 1,600 บาท แต่กฎเกณฑ์ในการจ่ายเงินให้โรงพยาบาลยุ่งยากมาก จึงขอเสนอรัฐบาลให้เร่งตรวจเชิงรุกให้ประชาชน ตั้งเป้า 1 ล้านคน ซึ่งจะใช้เงินเพียง 1,600 ล้านบาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้มกับชีวิตประชาชน และเศรษฐกิจที่เสียไป เพียงไตรมาสเดียวที่สูงถึง 4.5 แสนล้าน (ตามตัวเลขของ ม.หอการค้า)
- เร่งจ่าย’เบี้ยเสี่ยงภัย’ให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ในขณะนี้ทุกคนกำลังทำงานอย่างหนัก และเป็นผู้ที่เสี่ยงที่สุด โปรดดูแล’หัวใจ’ของบุคลากรทุกท่านอย่างเร่งด่วน ขอให้เร่งดำเนินการตามที่เสนอ ก่อนที่สถานการณ์ในสัปดาห์หน้าจะวิกฤตมากขึ้น จนระบบสาธารณสุขของเรารองรับไม่เพียงพอ