

- มียาฟาวิพิราเวียร์สำรอง 15.6 ล้านเม็ด
- องค์การเภสัชกรรมผลิตเพิ่มเติมได้ถึง 60 ล้านเม็ด
- ติดเชื้อโควิด “โอมิครอน” ในประเทศไทย 514 ราย
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ป่วยอาการหนักลดลงต่อเนื่อง ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศพบติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน 514 ราย ส่วนใหญ่อาการน้อยหรือไม่มีอาการ โดยพบอาการไอมากที่สุด 54% รองลงมาคือ เจ็บคอ และไข้ เมื่อให้ยาฟาวิพิราเวียร์ตั้งแต่ต้น อาการจะดีขึ้นใน 24-72 ชั่วโมง ขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์สำรองประมาณ 15.6 ล้านเม็ด ประมาณการณ์ใช้ได้อย่างน้อย 2 เดือน และองค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตเพิ่มเติมได้ถึง 60 ล้านเม็ด สำหรับเตียงรักษามี 1.7 แสนเตียง ปัจจุบันมีการใช้ 13.7% ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่อาการไม่มากจะเน้นการดูแลที่บ้านและชุมชนเป็นหลัก
“กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำระดับการเตือนภัยโควิด 5 ระดับ โดยพิจารณาจากความเสี่ยงของสถานการณ์ ความครอบคลุมการได้รับวัคซีน 2 เข็มในกลุ่ม 607 และการพบการระบาดแบบคลัสเตอร์ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในระดับ 3 “
นอกจากนี้ ได้จัดทำฉากทัศน์เพื่อรับมือสถานการณ์โอมิครอน ซึ่งอาจเกิดได้ 3 รูปแบบ คือ 1.Least favourable ฉากทัศน์ที่ไม่อยากให้เกิด คือ การแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น ฉีดวัคซีนได้ใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา ขณะที่การปฏิบัติตามมาตรการ UP และ VUCA ได้น้อยหรือไม่ปฏิบัติ การติดเชื้อจะสูงถึง 3 หมื่นรายต่อวัน เสียชีวิต 170-180 รายต่อวัน ใช้เวลาควบคุม 3-4 เดือน 2.Possible การแพร่เชื้อเพิ่มขึ้น ฉีดวัคซีนได้ใกล้เคียงกับช่วงที่ผ่านมา แต่มีการปฏิบัติตามมาตรการ UP และ VUCA ดี ผู้ติดเชื้ออาจอยู่ที่ 1.5-1.6 หมื่นรายต่อวัน จากนั้นค่อยทรงตัวและลดลง และ 3.Most favourable ฉากทัศน์ที่ดีที่สุด คือ ควบคุมการระบาดในประเทศได้ดี เร่งฉีดวัคซีนได้มากกว่าปกติ ร่วมกับมีการปฏิบัติตามมาตรการ UP และ VUCA เต็มที่และลดกิจกรรมรวมกลุ่ม อาจจะมีผู้ติดเชื้อ 1 หมื่นรายต่อวัน เสียชีวิต 60-70 รายต่อวัน และควบคุมโรคได้ภายใน 1-2 เดือน