- ให้ธปท.ดูแลค่าบาทให้อยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
- จี้รัฐเร่งเชื่อมโยงข้อมูลกับเอกชน
นางสาวกัณญภัค ตันติพิพัฒน์พงศ์ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.)เปิดเผยหลังเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ว่า ได้ขอให้รมว.คลัง กระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของโครงการ “คนละครึ่ง” ให้มากขึ้น เนื่องจากมองว่าโครงการนี้มีประโยชน์ และสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศได้เป็นอย่างดีในช่วงที่เศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้น
นอกจากนี้ยังได้หารือกับรมว.คลัง เรื่องส่วนการดูแลค่าเงินบาท ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้แล้ว ในขณะที่ผู้ส่งออก อยากให้เงินบาทอ่อนค่าลงไประดับ 31 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากปัจจุบันค่าเงินบาทถือว่าแข็งมาก อยู่ที่ 30.3 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และมีโอกาสแข็งค่าต่อไปอีก ตามที่หลายสำนักวิเคราะห์ว่า ปีหน้าบาทจะแข็งไปที่ 29.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้ผู้ส่งออกเกิดความเสี่ยง ขณะที่หลายๆ ประเทศค่าเงินไม่แข็งขนาดนี้
“ทุกครั้งที่คุยกับธปท.เราก็บอกว่า อยากให้ดูแลค่าเงินในระดับที่เหมาะสม เดิมมองที่ 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แต่วันนี้ถ้าอยากให้ผู้ส่งออกสบายใจค่าเงินบาทควรอยู่ที่ 31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ เพราะตอนนี้ค่าเงินบาทค่อนมาที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนมาตรการช่วยค่าบาทแข็งที่ธปท.ออกมา 3 มาตรการนั้น มองว่าทำให้ค่าบาทอ่อนลงมาเล็กน้อยเท่านั้น”
นอกจากนี้ยังขอให้ช่วยแก้ไขกฎระเบียบบางข้อเพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชน ในการยื่นใบขออนุญาตต่างๆ ได้สะดวกขึ้น โดยเฉพาะระบบการบริการเชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานภาครับและภาคธุรกิจ เกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก และโลจิสติกส์ (Nsw) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐและเอกชนที่ดีเพียงพอ
“ที่ผ่านมาหน่วยงานของรัฐเชื่อมโยงข้อมูลแบบรัฐกับรัฐ และยังไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลกับเอกชนมากที่ควร โดยขณะนี้หน่วยงานของรัฐมีการเชื่อมโยงระบบแล้ว 37 หน่วยงาน เหลือเพียง 7 หน่วยงานเท่านั้นที่ยังไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่นได้ จึงอยากให้เร่งรัดเรื่องนี้ หรืออาจจะทำเป็นวันสต็อปเซอร์วิส หรือ บริการครบในจุดเดียว เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการก็เป็นได้”
ส่วนนโยบายเรื่องการลงทุนนั้น ไม่ได้มีการหารือ เนื่องจากเป็นเรื่องคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนหรือกกร.จะเป็นผู้พิจารณา
