สภาพัฒน์ปรับลด GDP ปี 64 เหลือโต 0.7-1.2% จากเดิมคาด 1.5-2.5% ผลจากวิกฤตโควิด-19 ระลอกนี้



  • คาดไตรมาส 2ขยายตัวที่ 7.5%พร้อมชี้ปัจจัยเสี่ยงเฝ้าระวังเชื้อกลายพันธุ์
  • ปัญหาหนี้ครัวเรือน-จ้างงาน-ระบาดที่กระทบภาคโรงงานผลิตเพื่อส่งออก

นายอนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) เปิดเผยถึงการขยายตัวเศรษฐกิจไทย GDP ในไตรมาส 2/64 ว่า มีการขยายตัว 7.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/63 และขยายตัว 0.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 2/64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับของปีก่อน มาจากการบริโภคภาคเอกชน ที่ขยายตัว 4.6% และการลงทุนรวมขยายตัว 8.1% โดยการลงทุนจากภาคเอกชนขยายตัว 9.2% และการลงทุนภาครัฐขยายตัว 5.6% ส่วนมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัว 36.2%  ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจครึ่งปีแรกขยายตัวราว 2% จากฐานปีก่อนที่ต่ำผิดปกติ และมีการขยายตัวในบางสาขาสำคัญ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคการเกษตร และภาคส่งออกเป็นหลัก ส่วนภาคการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว

นอกจากนั้น สภาพัฒน์  ยังคาดการณ์ขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปี 64 จะขยายตัว  0.7-1.2  % จากประมาณการเดิม 1.5-2.5%  โดยผลจากการระบาดโควิดระลอก 3 ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ทำให้การขยายตัวเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณขยายตัวลดลง   จนถึงการประกาศใช้มาตรการควบคุมสูงสุดเข้มงวด(แดงเข้ม)  29 จังหวัด  โดย สภาพัฒน์ ใช้สมติฐานการประมาณยอดติดเชื้อจากกระทรวงสาธารณสุขว่า  ยอดติดเชื้อจะสูงสุดช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้   และเริ่มลดลงช้าๆ ในเดือนกันยายน  ทำปลายปีเชื่อว่าจะสามารถผ่อนคลายเปิดพื้นที่เศรษฐกิจได้ ในไตรมาสที่ 4   และปัจจัยจะมีการกระจายวัคซีนได้  85 ล้านโดส ในปลายปี 2564 ด้วย ท่ามกลางการขยายตัว เศรษฐกิจโลกที่ประมาณการว่าในปีนี้จะขยายตัวที่  6 % 

เลขาฯสภาพัฒน์ ยังกล่าวถึงปัจจัยเสี่ยงในช่วงที่เหลือของปี  64 ประกอบด้วยปัจจัย  การกลายพันธุ์เชื้อ โควิด-19 ที่จะทำให้การควบคุมการระบาด โควิด-19 ทำได้ยาก ,  หนี้ภาคครัวเรือนที่สูง , ปัญหาการจ้างงาน การตกงานจากภาคท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนักจากการระบาด  , ความไม่แน่นอนภาคการส่งออก ต้องระวังผลกระทบการระบาดต่อการผลิต ในโรงงาผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งเป็นภาคที่ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอยู่

ส่วนเรื่องที่ต้องทำในการบริหารเศรษฐกิจ 7 เรื่องขณะนี้ คือ ต้องควบคุมการระบาดให้อยู่ในวงจำกัดเร็วที่สุด ,การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ,  การสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เมื่อการระบาดคลี่คลายลง ,การขับเคลื่อนการส่งออกให้เติบโตต่อเนื่อง ,การขับเคลื่อนการลงทุน และการใช้จ่าย จากเม็ดเงินการลงทุนภาครัฐ  การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน และ การดูแลเสถียรภาพการเมืองและเศรษฐกิจ .