

สนพ.คาดราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัว พบสัญญาณความต้องการใช้น้ำมันดิบดึงตัว จากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส
- เหตุราคาน้ำมันดิบทรงตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน กลุ่มโอเปกพลัสลดกำลังผลิตลง
- ซาอุฯ ขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน ไปถึงสิ้นเดือน ส.ค.66 พร้อมประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ส่งมายังคู่ค้าในเอเชีย
- พร้อมตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว จากความตึงเครียด ระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า สนพ.ได้ติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในตลาดโลก โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงโดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า จีนมีแนวโน้มความต้องการใช้เชื้อเพลิงสูงขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนประกอบกับสัญญาณความต้องการใช้น้ำมันดิบดึงตัวจากการลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส นำโดยซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย โดยซาอุดีอาระเบียได้ขยายเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตกว่า 1 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นเดือน ส.ค. 2566 และประกาศขึ้นราคาน้ำมันดิบที่ส่งมายังคู่ค้าในเอเชียอีกด้วย
ในขณะที่รัสเซียได้ลดการส่งออกน้ำมันกว่า 500,000 บาร์เรล/วัน ตั้งแต่เดือน ก.ค. 2566 จนถึงสิ้นปี ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันในตลาดลดลงกว่า 1.5% อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ที่ยังคงชะลออุปสงค์น้ำมันโลกโดยรวม
ทั้งนี้ ภาพรวมสถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (วันที่ 17 – 23 ก.ค. 2566) ราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์ เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 80.57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 75.68 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.57 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 0.46 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ตามลำดับ
ทั้งนี้ จากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใกล้จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยยอดค้าปลีกเดือน มิ.ย. 2566 ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศลดลง 0.5%

นอกจากนี้ ตลาดกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวจากการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส รวมถึงความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รวมไปถึงจีนนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือน มิ.ย. 2566 กว่า 10.5 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 44% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ประกอบกับความคาดหวังว่าจีนจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ครอบคลุมถึงการฟื้นฟูอุปสงค์และการบริโภคภายในประเทศอีกด้วย
สำหรับราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชีย ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 100.91 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 95.15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 97.95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 4.17 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 4.26 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และ 4.78 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
ทั้งนี้ International Enterprise Singapore (IES) ได้รายงานปริมาณสำรอง Light Distillates เชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 19 ก.ค. 2566 ลดลง 0.86 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 12.18 ล้านบาร์เรล ด้าน Petroleum Association of Japan (PAJ) ได้รายงานปริมาณสำรองเชิงพาณิชย์ของญี่ปุ่น สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 15 ก.ค. 2566 ลดลง 0.26 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 9.42 ล้านบาร์เรล ส่วนสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ได้รายงานอุปสงค์น้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 14 ก.ค. 2566 เพิ่มขึ้น 99,000 บาร์เรล/วัน มาอยู่ที่ 8.86 ล้านบาร์เรล/วัน ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 1.4%
สำหรับราคาน้ำมันดีเซล ราคาน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 101.23 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 1.59 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดย International Enterprise Singapore (IES) ได้รายงานปริมาณสำรอง Middle Distillates เชิงพาณิชย์ที่สิงคโปร์ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 19 ก.ค. 2566 ลดลง 0.02 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 7.85 ล้านบาร์เรล และ Joint Organizations Data Initiative (JODI) ได้รายงานปริมาณการส่งออกซาอุดีอาระเบีย ในเดือนพ.ค. 2566 ลดลง 20.2% มาอยู่ที่ 632,000 บาร์เรล/วัน
นายวัฒนพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.58 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 34.4056 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.55 บาท/ลิตร และต้นทุนน้ำมันดีเซลลดลง 0.02 บาท/ลิตร ส่งผลต่อค่าการตลาดเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของน้ำมันกลุ่มเบนซิน และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ระดับ2.44 บาท/ลิตร ทั้งนี้ ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 6 ส.ค. 2566 กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 42,632 ล้านบาท หนี้สินกองทุนฯ 93,070 ล้านบาท แบ่งเป็นติดลบจากบัญชีน้ำมัน 5,323 ล้านบาท บัญชีก๊าซ LPG 45,115 ล้านบาท