สถาบันอาหารการันตีกัญชง คือวัตถุดิบสำคัญแห่งอนาคต



 

  • สารพัดคุณค่าในกระบวนการผลิตอาหาร
  • กลุ่มนักเพาะกาย คนเปิปมังสวิรัต อาหารทางเลือก
  • แนะผู้ประกอบการไทยศึกษาด่วนเพื่อพร้อมผลิต

นางอนงค์  ไพจิตรประภาภรณ์  ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า ศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร(Food Intelligence Center) สถาบันอาหาร ได้จัดทำรายงานเกี่ยวกับตลาดผลิตภัณฑ์แปรรูป จากกัญชง โดยพบว่าในต่างประเทศ กัญชง เป็นที่รู้จักแพร่หลายกันมานานแล้ว มีการนำมาบริโภคและแปรรูปในภาคอุตสาหกรรมใน 30 ประเทศและพบว่า 5 ประเทศที่ปลูกกัญชง มากที่สุดในโลก เมื่อปีที่ผ่านมา  ได้แก่ สหรัฐฯจำนวน 728 ,000ไร่ รองลงมาคือ จีน โคลัมเบีย แคนาดา และเกาหลีใต้

 ท้ังนี้ จากรายงานของ โกลบอล มาร์เก็ต อินไซด์ (Global Market Insight) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยของสหรัฐฯได้  ประเมินตลาดกัญชงโลกปี2561 ว่ามีมูลค่า 189 ล้านเหรียญสหรัฐ และระหว่างปี  2563 – 2568 ได้คาดว่าจะมีอัตราเติบโต5.6 % ต่อปี ทำให้ปี 2568 ตลาดจะเพิ่มเป็น  270  ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นการนำกัญชงไปใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลส่วนบุคคล (personal care) อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอื่นๆ กว้างขวางขึ้น เป็นปัจจัยให้อุตสาหกรรมกัญชง เติบโตต่อเนื่อง 

  ขณะที่สำนักวิจัย นิวฟรองเทียร์ดาต้า (New Frontier Data)จากประเทศอังกฤษ ก็ได้ ประเมินมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์กัญชงโลกเมื่อปีที่ผ่านมา ไว้สูงถึง 4,580 ล้านเหรียญสหรัฐ ฯอาทิใน กลุ่มผลิตภัณฑ์สารสกัด ซีบีดี(แคนนาบิไดออล)ที่เป็นสารสกัดจากกัญชงที่ไม่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทและไม่ทำให้มีอาการเมาและไม่ทำให้เกิดการเสพติดใน กลุ่มผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสิ่งทอ       ไฟเบอร์ กระดาษ อาหาร และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นต้น  ว่าจะมีอัตราเติบโตเฉลี่ยที่ 20% ต่อปีในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าในปี นี้ จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 5,730  ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่สุด รองลงมาได้แก่ แคนาดา ยุโรป อเมริกาใต้ และอเมริกากลาง

 นางอนงค์  กล่าวว่า เฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ตลาดมีแนวโน้มเติบโตสูง เนื่องจากเมล็ดกัญชงสามารถนำมาเป็นส่วนผสมในอาหาร เป็นแหล่งโปรตีนที่ดีที่สุด ประกอบด้วยกรดอะมิโนชนิดต่างๆ อาทิ โอเมก้า 3 และโอเมก้า 6  กรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ย่อยสลายง่าย และ Gluten Free เหมาะสำหรับผู้ชอบรับประทานอาหารมังสวิรัติ กลุ่มนักเพาะกาย และผู้ที่ต้องการอาหารที่ให้โปรตีนสูง

นอกจากนี้ ยังช่วยในการแก้ปัญหาด้านผิวพรรณ บำรุงผม ช่วยสร้างพัฒนาการทางสมองสำหรับเด็กขณะตั้งครรภ์และให้นมบุตร และเป็นอาหารซูเปอร์ฟู้ดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน  ข้อมูลจาก สำนักวิจัย นิวฟรองเทียร์ดาต้า ได้ระบุว่าในปีที่ผ่านมา เฉพาะยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มจากกัญชงในตลาดสหรัฐฯ มีมูลค่า 137 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะมีแนวโน้มเติบโตไปถึง 186 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2565

นางอนงค์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าการรวบรวมมูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์กัญชงโลกจะค่อนข้างแตกต่างกันในแต่ละฐานข้อมูล แต่ละสำนักวิจัย เนื่องจากอาจนิยามผลิตภัณฑ์ที่สำรวจครอบคลุมต่างกัน และยังมีประเด็นช่องทางการจำหน่ายที่ส่งผลให้มีการรายงานตัวเลขแตกต่างกัน แต่แน่นอนว่าโดยรวมตลาดมีแนวโน้มมูลค่าสูงขึ้น ผู้ประกอบการไทยที่สนใจเข้าสู่ตลาดนี้จึงควรติดตามข้อมูลต่างๆ ด้วยความรอบคอบ และเตรียมความพร้อมด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคให้ตรงกลุ่ม

ล่าสุดใน ปัจจุบันมีการนำกัญชงมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มหลายรูปแบบ เช่น เมล็ดและผงโปรตีนกัญชง เป็นเมล็ดแบบแกะเปลือกผ่านการอบใช้รับประทานแทนธัญพืช หรือแปรรูปผ่านการอบและบดเป็นผง  น้ำมันกัญชง นำเมล็ดกัญชงมาผ่านการแปรรูปแบบสกัดเย็น เหมาะรับประทานร่วมกับสลัด และปรุงแต่งอาหาร หรือนำมาบรรจุในเจลาตินแคปซูลเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร  นมกัญชงพร้อมดื่ม เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเมล็ดกัญชง มีคุณค่าทางอาหารสูงกว่าโปรตีนจากถั่วเหลือง ทั้งมีใยอาหารและราคาถูกกว่า อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 และมีสาร CBD จากใบกัญชงในปริมาณที่เหมาะสมช่วยให้ผ่อนคลาย สารสกัด CBD จากดอกและใบกัญชง ในรูปของเหลว หรือแคปซูล ช่วยให้ผ่อนคลายและนอนหลับได้ดี นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ผสมสาร CBD  อาทิ เยลลี่ผสมสาร CBD  ช็อกโกแลตผสมสาร CBD  สเปรดและแยมผสมสาร CBD เป็นต้น

“จาก แนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพ ทั้งการขยายตัวของสังคมผู้สูงวัย จึงมีความต้องการบริโภคกรดไขมัน โปรตีน วิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยจากผลิตภัณฑ์อาหารที่มีคุณค่าสูง เชื่อว่าจะผลักดันการใช้กัญชงให้มีบทบาทในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มโลกมากขึ้นอย่างแน่นอน”