“ศักดิ์สยาม” สั่งปัดฝุ่นอาคาร SAT-1 สุวรรณภูมิ รอรับผู้โดยสารเดินทางเข้าไทยทะลัก



  • ลุยตรวจระบบความพร้อมทุกหน่วยในสนามบินสุวรรณภูมิ รองรับรัฐบาลเปิดประเทศ 1 พ.ค.นี้ 
  • พบมีผู้โดยสารเดินทางผ่านสนามบินเข้าไทยสูงขึ้น เฉลี่ย 1.1 หมื่นคน/วัน 
  • คาดในไตรมาส 4 ของปีนี้ ปริมาณผู้โดยสารจะกลับมาเท่ากับปี 62 ก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จากรัฐบาลมีนโยบายผ่อนปรนมาตรการการเดินทางเข้าประเทศไทย 1 พ.ค.นี้และตนได้ลงพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อดูความพร้อมของสนามบินสุวรรณภูมิ พบว่ามีความพร้อมรองรับการเปิดประเทศทุกด้าน ทั้งการคัดกรองและให้บริการผู้โดยสารขาเข้า และขาออกที่เป็นระบบ ซึ่งในภาพรวมขณะนี้พบว่า มีจำนวนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศเฉลี่ยวันละ 11,594 คน หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น37.61 % ซึ่งเที่ยวบินขาเข้า ระหว่างประเทศมีจำนวนเฉลี่ยวันละ 180 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากเดือนเมษายนที่มีจำนวนเที่ยวบินขาเข้าระหว่างประเทศเฉลี่ยวันละ 140 เที่ยวบิน หรือเพิ่มขึ้น 28.57%

นอกจากนั้นยังพบว่า ผู้โดยสารที่เดินทางลงจากเครื่องผ่านระบบไทยแลนด์พาส  1 คนจะใช้เวลาตรวจสอบเอกสารประมาณคนละ 15 นาทีไม่รวมการเดินทาง ซึ่งตนจึงได้สั่งการให้  บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)(ทอท.)ซึ่งรับผิดชอบสนามบิน อีก 5 แห่ง ประกอบด้วยสนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ สนามบินแม่ฟ้าหลวง เชียงรายสนามบินหาดใหญ่  สนามบินภูเก็ต และสนามบินกระบี่ ของกรมท่าอากาศยานเตรียมความพร้อมด้วย

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่ออีกว่า จากปริมาณการเดินทางของผู้โดยสารที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ดังนั้นตนจึงได้สั่งการให้ทอท.เตรียมพร้อม อาคารเทียบเครื่องบินรอง หลังที่ 1 (SAT-1) ซึ่งเป็นอาคารผู้โดยสารใหม่ ที่สร้างเสร็จแล้วยังไม่ได้เปิดใช้งานและมีกำหนดเปิดให้บริการในปี66 ให้พร้อมใช้งาน หากอัตราการเดินทางเป็นไปอย่างก้าวกระโดดก็ให้พิจารณาเปิดการใช้งานให้เร็วขึ้น เนื่องจากปัจจุบันอาคารผู้โดยสารหลัก รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 45 ล้านคน ส่วนอาคาร SAT-1 รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 10-15 ล้านคน 

อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ปริมาณผู้โดยสารจะสูงขึ้นกลับมาเท่าในปี 62 ก่อนเกิดสถานกาณร์การแพร่ระบาดโควิด ที่มีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ย 70,000-80,000 คน/วัน แน่นอน แม้ว่าสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ( International Air Transport Association) หรือ ไออาตา (IATA) รวมถึง องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือ ไอเคโอจะเคยประเมินว่า ปริมาณผู้โดยสารจะกลับมาเป็นปกติในปี 67 ก็ตาม

ทั้งนี้ล่าสุดมีสายการบินมาขอเพิ่มเที่ยวบินกับ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ถึง 55 %ของตารางการบินทเคยทำการบินในปี  62   

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า  มั่นใจว่าจากการผ่อนปรนมาตรการการเดินทางเข้าประเทศครั้งนี้ จะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นตนจึงได้มอบนโยบายให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) ดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนมาตรการเข้าประเทศใหม่ที่จะเริ่มในวันที่ 1 พฤษภาคม 65 โดยกำกับดูแลสายการบินให้ปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง และให้ กพท. ออกคลิปวีดีโอ ขั้นตอนการปฎิบัติภายหลังจากลงเครื่องก่อนออกจากสนามบิน เพื่อเผยแพร่ให้กับทุกสายการบินที่ทำการบินเข้าไทย ขณะเดียวกันให้ กรมท่าอากาศยาน(ทย.) และ ทอท. ประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการปฏิบัติของผู้โดยสารทั้งภายในประเทศ และระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความเข้าใจ 

สำหรับขั้นตอนตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 65 เป็นต้นไป ผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศไทยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ผู้โดยสารที่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์และผู้โดยสารที่ไม่ได้รับวัคซีนแต่มีผลตรวจ RT-PCR ไม่เกิน 72 ชั่วโมง สามารถเข้าประเทศได้ตามกระบวนการผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศตามขั้นตอนปกติ และผู้โดยสารที่ไม่ได้รับวัคซีน / รับวัคซีนไม่ครบ และไม่มีผลตรวจ RT-PCR เมื่อลงจากอากาศยานเรียบร้อยแล้ว ต้องเข้าสู่ขั้นตอนการเข้าประเทศตามระบบ Seal Route ซึ่งกำหนดให้ผ่านพิธีการศุลกากรที่ช่องทางออก C (Exit C) เท่านั้น เพื่อมาพบกับตัวแทนโรงแรมAQ ที่บริเวณประตูทางออกหมายเลข 10 และขึ้นรถโดยสารที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้เพื่อเข้าสู่กระบวนการกักตัวต่อไป