

- ช่วงวันหยุดยาวเทศกาล ปีใหม่ 2566
- อย่าลืมแวะ”ตลาดต้องชม”
- ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคใต้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ได้กำหนดเปิดตลาดต้องชม ให้ประชาชน ได้มาใช้บริการระหว่าง 24 ธันวาคม 2565 ถึง 8 มกราคม 2566 เพื่อให้ประชาชนที่เดินทางกลับบ้านหรือท่องเที่ยวได้มีโอกาสจับจ่ายใช้สอยซื้อข้าวของติด ไม้ติดมือกลับไปด้วย
เริ่มจากประตูสู่เมืองใต้จังหวัดชุมพร อีกหนึ่งจุดแวะพักรถพักคนระหว่างเดินทางที่”ตลาดพ่อตาหินช้าง” อ. ท่าแซะ แหล่งผลิตและจำหน่ายกล้วยเล็บมือนางอันเลื่องชื่อ มีทั้งกล้วยสุกและกล้วยแปรรูปหลากหลายวิธี และยังมีของที่ระลึกอีกสารพัดจัดไว้บริการผู้สนใจ
“ปีนี้น่าจะดีขึ้นหลังซบเซาในช่วงโควิด-19 ระบาด 2-3 ปีที่ผ่านมา โชคดีที่ทางพาณิชย์จังหวัดเข้ามาช่วยดูแล ส่งเสริมการขาย ทำโปรโมทให้ แจกคูปองฟรีให้ลูกค้าคนละ50บาท ช่วยดึงลูกค้าเข้ามาพอสมควร”“เพ็ญศรี มากผล เจ้าของร้านกล้วยอบคุณอี๊ด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากกล้วยเล็บมือนางในตลาดพ่อตาหินช้างเผยสถานการณ์ของตลาดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยมองว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้น่าจะดีขึ้น หลังเริ่มมีรถจอดต่อแถวยาวเยียดสองฝั่งถนนทั้งไปและกลับ เชื่อว่าการจับจ่ายใช้สอยปีนี้น่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้งหลังซบเชาไปนานช่วงโควิด-19

จากชุมพรล่องใต้มาตามถนนสายเอเชียแวะพักอีกครั้งที่”หลาดชุมทางทุ่งสง” ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ตลาดนัดวัฒนธรรมที่สร้างอัตลักษณ์มีมูลค่าด้วยทุนทางวัฒนธรรมของชุมชน ภายในตลาดมีสินค้าโอท็อป(OTOP)และสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 250 ร้านค้า ล้วนเป็นสินค้าวัฒนธรรมจาก 14 จังหวัดภาคใต้ทั้งสิ้น
เชิดชูอัตลักษณ์พื้นถิ่นผ่านการวัฒนธรรมพื้นบ้านและการแสดงร่วมสมัยให้เป็นที่รู้จักของประชาชนคนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างรายได้ เพิ่มมูลค่า และกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าของเมืองทุ่งสง นำมาสู่การบริหารจัดการเมืองอย่างมีส่วนร่วม ช่วยกันฟื้นฟูย่านการค้าเก่าของเมืองให้ฟื้นตัวกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
จากทุ่งสงตรงมายังจ.พัทลุง ต้องห้ามพลาด”หลาดใต้โหนด”หรือชื่อเต็ม”ตลาดใต้ต้นตาลโตนด” ตั้งอยู่ม.4 บ้านจันนา ต.ดอนทราย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง โดยตัวตลาดจะอยู่ก่อนถึงตัวเมืองพัทลุงประมาณ 20 กิโลเมตร

“ ปกติตลาดเปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ แต่ช่วงปีใหม่นี้เปิดทุกวันระหว่างวันที่ 24 ธันวาคม 2565-วันที่ 8 มกราคม 2566 ตามโครงการ”ตลาดต้องชม” สนับสนุนสินค้าชุมชน ช่วยเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืนของกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ครับ” นิยุต สงสมพันธ์ ผู้ประสานงานตลาดใต้โหนดเผย
จากนั้นมาสัมผัสชีวิตตลาดน้ำเชิงวัฒนธรรมวิถีดั้งเดิมของชาวบ้านคลองแหที่”ตลาดน้ำคลองแห” ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยมีพ่อค้าแม่ขายพายเรือนำสินค้าท้องถิ่นมาขายในคลองในทุก ๆ เช้า ส่วนบนฝั่งก็จะมีร้านค้ามากมายให้เดินเลือกชม ช้อปอย่างเพลิดเพลิน ทั้งขนมพื้นเมือง อาหารปักษ์ใต้ ผลหมากรากไม้ท้องถิ่น โดยภาชนะใส่อาหารจะเน้นวัสดุจากธรรมชาติ 100% เช่นใบตอง กะลามะพร้าว ไม้ไผ่ เป็นต้น
และสุดท้ายมาจอดป้ายที่”ตลาดนัดชุมชนบ้านคลองทรายใน” ริมถนนสาย418 ยะลา-ปัตตานี ม.5 ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ตัวตลาดสังเกตได้จากทางผ่านที่ใช้เป็นจุดพักรถ โดยมีหลักกิโลเมตรใหญ่ที่สุดตั้งเด่นเป็นสง่าฝั่งตรงข้ามกับตลาด ภายในมีจำหน่ายอาหารพื้นบ้านขนมโบราณ ผลผลิตทางการเกษตรมากมาย เป็นการอยู่ร่วมกันของชาวไทยพุทธและไทยมุสลิม โดยมีผลิตภัณฑ์เด่น เช่น ไก่กอและ
ปรีชา สมบูรณ์แก้ว กำนันตำบลยุโปและประธานคณะกรรมการบริหารตลาดฯกล่าวถึงจุดเด่นของตลาดแห่งนี้ว่านอกจากไก่กอและสูตรต้นรับที่เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของตลาดแล้วยังมีผักปลอดสารพิษและขนมพื้นเมือง ฝีมือชาวบ้านจำหน่ายด้วย โดยเฉพาะ ผักปลอดสารพิษนั้น ถือเป็นกฎกติกาของชุมชน ห้าม นำผักจากที่อื่นมาขายในตลาดอย่างเด็ดขาด ต้องเป็นผักปลอดสารพิษที่ปลูกในชุมชนเท่านั้น ตัวตลาดบริหารโดยคณะกรรมการหมู่บ้าน โดยมีผู้จัดการตลาดคอยควบคุมดูแลใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจของประชาชนผู้บริโภค

“ตลาดชุมชนบ้านคลองทรายในเปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 เปิดโดยชุมชน บริหารจัดการกันเองโดยชุมชน โดยมีส่วนราชการต่าง ๆ คอยให้การสนับสนุนช่วยเหลือ ทั้งองค์ความรู้ต่าง ๆ รวมถึงการตลาด อย่างผักที่นำมาขายในตลาดก็มาจากแปลงโคกหนองนา โมเดล หรือการกระตุ้นตลาดให้เป็นที่รู้จักหรือการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นส่งเสริมการขายช่วงเทศกาลต่าง ๆ ทางกรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดยะลาก็ให้การสนับสนุนตลอดมา ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนจนตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนวันนี้ ประชาชนที่มาเที่ยวยะลาอย่าลืมแวะตลาดต้องชมบ้านคลองทรายในนะครับ” ปรีชา สมบูรณ์แก้ว กำนันตำบลยุโปและประธานคณะกรรมการบริหารตลาดฯกล่าวเชิญชวนทิ้งท้าย
สนใจสามารถติตดามรายละเอียดกิจกรรม180 ตลาดที่เปิดให้บริการช่วงเทศกาลปีใหม่ระหว่าง 24 ธันวาคม 2565 ถึง 8 มกราคม 2566 ได้ที่เว็บไซต์: : www.dit.go.th Line Official “DIT GO” และ Facebook “กรมการค้าภายใน DIT”กระทรวงพาณิชย์