
- หลังเปิดพรมแดน-ผ่อนปรนข้อจำกัดเดินทาง
- ทำโควิดสายพันธุ์เดลตาแพร่ระบาดเร็วขึ้น
- ส่วนยอดติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 200 ล้านคน
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคยุโรป (อีซีดีซี) เผยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในยุโรปพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง หลังเปิดพรมแดน และผ่อนข้อจำกัดการเดินทาง ขณะที่ยอดผู้ป่วยสะสมทั่วโลกทะลุ 200 ล้านรายแล้ว
อีซีดีซี ระบุว่า การระบาดในยุโรปไม่ดีนัก เพราะมีพื้นที่สีแดง หรือพื้นที่เสี่ยงระดับสูงเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยในยุโรปใต้ ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก มีการระบาดรุงแรงที่สุด และ 3 ประเทศในยุโรปตอนใต้ ได้แก่ ฝรั่งเศส กรีซ และอิตาลี มีพื้นที่สีส้ม และสีแดงเพิ่มขึ้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ อิตาลี ถูกจัดให้เป็นพื้นที่สีส้มทั้งหมด ยกเว้นเกาะซิซิลี แลซาร์ดิเนีย แต่ปัจจุบัน แคว้นทัสคานี และมาร์เก กลายเป็นพื้นที่สีแดงแล้ว
สำหรับสัปดาห์นี้ ตอนเหนือของยุโรป เริ่มมีพื้นที่มีแดงเพิ่มขึ้นเช่นกัน เช่น เอสโตเนีย และไอซ์แลนด์ ด้านฟินแลนด์ กรุงเฮลซิงกิ เป็นหนึ่งในเมืองที่กลายเป็นพื้นที่สีแดง โดยสถานีโทรทัศน์ท้และวิทยุท้องถิ่นของฟินแลนด์ รายงานว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์สายพัยธุ์เดลตา ที่ระบาดอย่างรวดเร็ว ทำให้ 3 ภูมิภาคที่มีประชากรสูงสุด รวมถึงเฮลซิงกิ ถูกประเมินว่า กำลังเข้าสู่ระบบโรคะบาดตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นระดับที่รุนแรงสุดในเกณฑ์การจัดระดับการแพร่ระบาดของฟินแลนด์
ด้านองค์การยาแห่งยุโรป (อีเอ็มเอ) และอีซีดีซี ได้แถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยเน้นว่า การฉีดวัคซีนครบโดสเป็นกุญแจสำคัญในการปกป้องประชาชนจากสายพันธุ์เดลตา พร้อมผลักดันให้ผู้มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน เข้ารับการฉีดตามคำแนะนำอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ศูนย์วิยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (ซีเอสเอสอี) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุยอดผู้ป่วยโควิด-19 ทั่วโลกละสมอยู่ที่ 200,053,793 ราย เสียชีวิตสะสม 4,254,824 ราย นับจนถึงเวลา 00.30 น. วันที่ 5 ส.ค. ตามเวลามาตรบาน โดยสหัฐฯ ป่วยสะสมสูงสุดที่ 35,323,182 ราย คิดเป็นเกือบ 18% ของยอดผู้ป่วยทั่วโลก เสียชีวิต 614,793 ราย ตามด้วยอินเดีย ป่วยสะสม 31,769,132 ราย เสียชีวิต 425,757 ราย และบราซิล 20,026,533 ราย แต่เสียชีวิต 559,607 ราย มากเป็นอันดับ 2 ส่วนประเทศที่มีผู้ป่วยเกิน 5 ล้านคน เช่น รัสเซีย ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร ตุรกี ฯลฯ










