

เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2564 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตามนโยบายเปิดประเทศภายใน 120 วัน ของนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเปิดเพิ่ม 5 จังหวัดตามแผนระยะที่ 2 ในวันที่ 1 ตุลาคม ว่า จากการหารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกรุงเทพมหานคร เบื้องต้นพบว่าขณะนี้มี 4 จังหวัดที่พร้อมเปิดในวันที่ 1 ตุลาคม ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์
ส่วนกรุงเทพฯ นั้น ได้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 15 ตุลาคมแทน เนื่องจากประชากรในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังได้รับวัคซีนไม่ถึง 70% ตามเงื่อนไขหลักที่วางไว้ แม้พบว่ามีประชากรได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เกิน 70% แล้ว แต่เข็มที่ 2 ยังอยู่ที่ 37% ซึ่งน้อยกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จึงต้องรอระยะเวลาการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 และการสร้างภูมิ อาทิ แอสตร้าเซนเนก้า ต้องใช้ระยะเวลา 8-12 สัปดาห์ในการฉีดเข็มที่ 2 ซ้ำ ทำให้ตอนนี้ยืนยันว่ามีวัคซีนเพียงพอ แต่ต้องรอเวลาในการฉีดเข็มที่ 2 ซึ่งใช้เวลาต่างกันในแต่ละยี่ห้อวัคซีน
ทั้งนี้การเปิดกรุงเทพฯ รับต่างชาติจึงล่าช้ากว่าเป้าหมาย 2 สัปดาห์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน โดย ในปี 2564 จะเปิด 9 จังหวัดนำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนจังหวัดอื่นต้องรอปี 2565 ทีเดียว
“การเปิดกรุงเทพฯ รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้แบ่งเป็นกรุงเทพฯ ชั้นใน ชั้นนอก และชั้นกลาง ซึ่งจากเดิมจะเปิดพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นในรับนักท่องเที่ยว แต่จากการหารือร่วมกันแล้วพบว่า การแยกพื้นที่ในกรุงเทพฯ ทำได้ยากมาก เพราะทางกรุงเทพฯ ได้ประเมินว่าพื้นที่กรุงเทพฯ มีหลายเขตมาก และอยู่ติดต่อกัน อาทิ หากขับรถจากกระทรวงท่องเที่ยวฯ ขึ้นทางด่วนยมราช ก็ผ่านแล้ว 3 เขต ทำให้การกำหนดเปิดแค่บางเขตในการรับนักท่องเที่ยวจะควบคุมการเดินทางเข้าหรือออกได้ลำบาก จึงมองว่าควรเลื่อนออกไปเปิดในวันที่ 15 ตุลาคมนี้แทน เพื่อรอการฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ในภาพรวมจังหวัดกรุงเทพฯ เพื่อให้เปิดได้ทั้งกรุงเทพฯ ครั้งเดียว รวมถึงเปิดได้แบบไม่ต้องกักตัวต่างชาติด้วย โดยจะเสนอเข้า ศบศ.พร้อมกับอีก 4 จังหวัด ซึ่งเลื่อนการประชุมไปเป็นสัปดาห์ถัดไป จากเดิมเป็นวันที่ 17 กันยายนนี้” นายพิพัฒน์กล่าว
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นอาจใช้ชื่อโครงการเป็นกรุงเทพฯแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว หรือแม้แต่คนไทยที่มาจากต่างประเทศ ก็เข้าร่วมโครงการได้ โดยใช้หลักเกณฑ์ในรูปแบบเดียวกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ คือต้องตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR จากประเทศต้นทางและถูกตรวจในประเทศอีก 3 ครั้ง ต้องเข้าพักในโรงแรมที่มีมาตรฐานเอสเอชเอพลัสเท่านั้น
โดยในช่วงกลางวันสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวพื้นที่ใดก็ได้ในเขตกรุงเทพมหานคร แต่ต้องกลับเข้าที่พักภายในโรงแรมเดิม ไม่สามารถกลับไปอยู่บ้านได้ ในกรณีที่มีบ้านในประเทศไทย เพราะอยากให้เข้าใจว่าการเข้าร่วมโครงการแซนด์บ็อกซ์ จะต้องขอใบอนุญาตเข้าประเทศ หรือซีโออี มาในรูปแบบแซนด์บ็อกซ์ หากไม่เข้าโครงการนี้ก็เป็นไปตามรูปแบบเดิม คือ ถูกกักตัว 14 วันในห้องพักของโรงแรมที่เป็นสถานที่กักตัวเท่านั้น เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน
ทั้งนี้ในระหว่างดำเนินโครงการนี้ หากกระทรวงสาธารณสุขมีการผ่อนคลายการกักตัวเป็น 7 วัน หรือ 10 วันสำหรับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โครงการนี้ก็จะปรับรูปแบบตามไป โดยกำหนดให้หลังจากอยู่ครบ 14 วันแล้ว จึงจะสามารถเดินทางไปพื้นที่อื่นหรือจังหวัดอื่นในประเทศไทยได้ หรืออาจพักค้าง 7 วัน และอีก 7 วัน สามารถไปยังพื้นที่นำร่องอีก 8 จังหวัด ได้แก่ เกาะภูเก็ต จ.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) กระบี่ (เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์) พังงา (เขาหลัก เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่)