

- “ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง” และ “ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้”
- การันตีคุณภาพข้าวจีไอไทย สร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า
- ยกระดับรายได้เกษตรกรได้อย่างยั่งยืน
นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ประเทศอินโดนีเซีย ได้ประกาศรับจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) ไทยเพิ่มอีก 2 รายการ ได้แก่ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง และ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ จากก่อนหน้านี้ ที่ได้รับจดทะเบียน ผ้าไหมยกดอกลำพูน เมื่อปี 59 ซึ่งจะ ช่วยขยายตลาดส่งออกสินค้าจีไอดังกล่าวของไทย สร้างรายได้ให้เกษตรกรท้องถิ่นเพิ่มขึ้น

“กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา พร้อมเดินหน้าผลักดันการจดทะเบียนสินค้าจีไอ ซึ่งเป็นซอฟต์ พาวเวอร์ ของไทยที่มีศักยภาพ ให้ได้รับความคุ้มครองในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าจีไอเกษตรและอาหาร เช่นส้มโอทับทิมสยามปากพนัง ในจีน, กาแฟดอยช้างและกาแฟดอยตุง ในญี่ปุ่น เป็นต้น”
ด้านนายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง มีลักษณะเด่นคือ เมล็ดข้าวเรียวเล็ก อ่อนนุ่ม และมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ข้าวกล้องมีสีแดงจนถึงแดงเข้ม ข้าวสารมีสีขาวปนแดงหรือสีชมพู ในแต่ละปีมีปริมาณการผลิตมากกว่า 8,000 ตัน สร้างรายได้ให้เกษตรกรในท้องถิ่นกว่า 104 ล้านบาท

ส่วนข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ลักษณะเด่นคือ เมล็ดข้าวยาวเรียว และไม่มีหางข้าว เมื่อหุงสุกจะมีกลิ่นหอมและนุ่ม ปลูกในพื้นที่ 5 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ ศรีสะเกษมหาสารคาม และยโสธร ในแต่ละปีมีปริมาณการผลิตกว่า 24,500 ตัน สร้างรายได้จให้เกษตรกรในท้องถิ่นกว่า 266 ล้านบาท ซึ่งอินโดนีเซียนับ เป็นอีกหนึ่งตลาดส่งออกสำคัญ ที่จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับข้าว จีไอไทยทั้ง 2 รายการและสร้างเม็ดเงินเข้าสู่ท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน

“การส่งเสริมการจดทะเบียนสินค้าจีไอไทยในต่างประเทศ เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองในตลาดส่งออกสำคัญ และเพิ่มมูลค่าการตลาดให้สูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา สินค้าจีไอไทยได้รับการจดทะเบียนในต่างประเทศ รวม 8 รายการ กว่า 30 ประเทศ ทั้งสหภาพยุโรป อินเดีย อินโดนีเซีย กัมพูชา และเวียดนาม ได้แก่ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง กาแฟดอยช้าง กาแฟดอยตุง เส้นไหมไทยพื้นบ้านอีสาน ผ้าไหมยกดอกลำพูน มะขามหวานเพชรบูรณ์ และลำไยอบแห้งเนื้อสีทองลำพูน”



