

- ตั้งเป้าหมาย 14 รายการหวังสร้างเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคไทย-เทศ
- ช่วยพัฒนา-ออกแบบบรรจุภัณฑ์ยกชั้นเป็นสินค้าพรีเมียม
- พร้อมมอบตรา”จีไอไทย”ให้ผู้ประกอบการแล้ว 109 สินค้า
นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศในการบริโภคสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) โดยตลอดทั้งปี 64 จะลงพื้นที่ไปช่วยผู้ประกอบการจัดทำระบบควบคุมตรวจสอบคุณภาพสินค้า แยกเป็นระบบควบคุมภายใน 8 สินค้าจาก 7 จังหวัด ได้แก่ ผ้าฝ้ายทอผสมขนแกะบ้านห้วยห้อม แม่ฮ่องสอน, ส้มบางมดและลิ้นจี่บางขุนเทียน กรุงเทพฯ, เครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ นครสวรรค์, ปลาช่อนแม่ลาสิงห์บุรี, ข้าวไร่ดอกข่าพังงา พังงา, มะพร้าวทับสะแก ประจวบคีรีขันธ์ และกล้วยหอมทองปทุม ปทุมธานี และทำระบบควบคุมตามมาตรฐานสากล 6 สินค้า จาก 5 จังหวัด ได้แก่ กาแฟดอยช้าง เชียงราย, ส้มสีทองน่าน น่าน, หมากเม่าสกลนคร และน้ำหมากเม่าสกลนคร, ข้าวสังข์หยดเมืองพัทลุง และข้าวเหนียวเขาวงกาฬสินธุ์

นอกจากนี้ ยังจะคัดเลือกผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์จีไอ เข้าร่วมโครงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยจะช่วยเหลือในการออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ให้แก่ผู้ประกอบการ 10 ราย ได้แก่ กาแฟเมืองกระบี่, นิลเมืองกาญจน์, กล้วยเล็บมือนางชุมพร, แปจ่อเขียวแม่สอด, ผ้าหม้อฮ่อมแพร่ , ทุเรียนภูเขาไฟศรีสะเกษ, ส้มโอหอมควนลัง, สังคโลกสุโขทัย, ปลาแรดลุ่มแม่น้ำโขงสะแกกรัง และข้าวหอมมะลิอุบลราชธานี เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาด ยกระดับให้เป็นสินค้าชุมชนระดับพรีเมียม และนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าจีไอไทย

“เมื่อผู้ผลิต ผู้ประกอบการ จัดทำระบบควบคุมตรวจสอบคุณภาพ และผ่านการตรวจประเมินโดยคณะกรรมการจังหวัด หรือหน่วยตรวจสอบรับรองแล้ว สามารถขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์จีไอไทยได้ ซึ่งมีอายุคราวละ 2 ปี และเมื่อหมดอายุ จะต้องตรวจสอบควบคุมคุณภาพสินค้าใหม่ เพื่อขออนุญาตใช้ตราสัญลักษณ์ต่อไป ปัจจุบัน กรมได้ออกหนังสืออนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์จีไอไทยแล้ว 109 สินค้า โดยมีผู้ได้รับอนุญาต 5,364 ราย แต่ผู้ได้รับอนุญาต ที่ยังคงใช้ตราสัญลักษณ์ มีอยู่เพียง 3,113 ราย”

นายประโยชน์ กล่าวต่อว่า สำหรับประโยชน์ของการที่ขึ้นทะเบียนจีไอ และการสร้างมาตรฐานสินค้าจีไอ จะ ช่วยรับประกันว่า สินค้าจีไอนั้นๆ เป็นสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพ มาตรฐาน พิเศษกว่าสินค้าจากแหล่งอื่น สามารถจำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น และยังทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นว่าจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพและมาจากแหล่งผลิตที่แท้จริง
