พาณิชย์ประเมิน “เบร็กซิต” ยังไม่กระทบการค้าไทย



  • ยูเคยังทำการค้ากับได้ตามปกติเหตุยังใช้กฎระเบียบอียู
  • แต่ไทยจับตาเจรจาข้อตกลงการค้า-มั่นคงยูเคและอียู
  • พร้อมศึกษานโยบายการค้าระหว่างกันปูทางทำเอฟทีเอ    

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงกรณีที่สหราชอาณาจักร (ยูเค) ออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิต อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ม.ค.63 ตามเวลาท้องถิ่นว่า ประเมินว่าไม่น่ามีผลกระทบจ่อเศรษฐกิจ การค้ามากนัก อาจมีเพียงทำให้เงินปอนด์อ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยการค้าระหว่างยูเคกับประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยจะยังคงเป็นไปตามปกติ ภายใต้กฎระเบียบการค้าเดิมเสมือนว่ายูเคยังอยู่กับอียูไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ แต่ในช่วงนี้ ยูเคจะหารือกับอียูเพื่อเจรจาจัดทำความตกลงทางการค้า รวมถึงด้านความมั่นคงระหว่างกัน เพื่อให้ความสัมพันธ์ไม่สะดุดเมื่อยูเคออกจากอียูอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 1 ม.ค.64 ซึ่งกรมจะติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีรายละเอียด ผลกระทบหรือสร้างโอกาสทางการค้ากับไทยเพียงใด เพื่อประสานกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเตรียมการปรับตัวได้ทันท่วงที

“ตั้งแต่ยูเคประกาศถอนตัวจากอียู กรมได้ติดตามสถานการณ์ย่างใกล้ชิด และเตรียมการรองรับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะการเจรจากับทั้งอียูเเละยูเคเรื่องการแก้ไขตารางข้อผูกพันโควตาภาษีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) สำหรับโควตาสินค้าเกษตร 31 รายการ เช่น มันสำปะหลัง แป้งมันสำปะหลัง ข้าวขาว ข้าวกล้อง ข้าวหัก ผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก ปลากระป๋อง เป็นต้น ที่ไทยเคยได้รับโควตาจากอียู เเละจะต้องมีการจัดสรรโควตาใหม่ภายหลังยูเคออกจากอียู เพื่อรักษาผลประโยชน์ของไทยให้ได้รับปริมาณโควตารวม ที่ทั้งอียูและยูเคจะต้องจัดสรรให้ไทยใหม่ ไม่น้อยกว่าที่ไทยเคยได้รับเมื่อตอนที่ยูเคยังเป็นสมาชิกอียู”

นอกจากนี้ เนื่องจากยูเคเป็นคู่ค้ารายสำคัญอันดับที่ 21 ของไทย และเป็นอันดับที่ 2 ในอียู รองจากเยอรมนี โดยมีมูลค่าการค้ากับไทยปี 62 อยู่ที่ 6,260 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้น การกระชับความสัมพันธ์กับยูเคภายหลังเบร็กซิทจึงเป็นเรื่องสำคัญ ขณะนี้ กรม อยู่ระหว่างศึกษานโยบายและมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับยูเค ซึ่งเมื่อจัดทำรายงานการศึกษานโยบายการค้าของกันและกันเสร็จแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายจะเข้าสู่กระบวนการหารือเพื่อจัดทำรายงานนโยบายการค้าร่วมกัน ซึ่งจะช่วยปูทางไปสู่การจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างกันในอนาคต

ขณะเดียวกัน ในเดือนมี.ค.นี้ กรมจะจัดสัมมนาให้ความรู้ผู้ประกอบการ และผู้สนใจในเรื่องการประกอบธุรกิจและกฎระเบียบด้นการค้ากับยูเคภายหลังเบร็กซิตอีกทั้งยังอยู่ระหว่างศึกษาวิจัยเรื่องประโยชน์และผลกระทบต่อไทยในการทำเอฟทีเอกับยูเค รวมทั้งเตรียมจัดรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน เกษตรกร และภาคประชาสังคม เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเสนอระดับนโยบายตัดสินใจเรื่องการทำเอฟทีเอระหว่างกันต่อไป