- รุกประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี
- มีแนวโน้มเศรษฐกิจ-การค้าฟื้นตัวได้ก่อน
- ย้ำมีทั้งจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ อาเซียน
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นปัจจัยกดดันการค้า และเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างมากในขณะนี้ และคาดจะใช้เวลานานในการฟื้นฟู ดังนั้น มองว่า ไทยควรใช้กลยุทธ์ด้านการส่งออกด้วยการให้ความสำคัญกับตลาดศักยภาพที่มีแนวโน้มฟื้นตัวก่อน ซึ่งพิจารณาได้จากปัจจัยต่างๆ เช่น เป็นประเทศที่ควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี มีผู้ติดเชื้อต่ำลง จนทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจ สามารถกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง และเกาหลีใต้
นอกจากนี้ ยังอาจพิจารณาจากดัชนีวัดความเข้มงวดของรัฐบาลแต่ละประเทศในการรับมือกับโควิด-19 หรือ ดัชนีOxCGRT ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดได้จัดทำขึ้น และครอบคลุมมาตรการ 3 ด้าน ได้แก่ มาตรการควบคุมการแพร่ระบาด เช่น การล็อกดาวน์กิจกรรมต่างๆ มาตรการด้านเศรษฐกิจ เช่น การสนับสนุนรายได้ให้ประชาชน และการให้ความช่วยเหลือต่างประเทศ และมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น ระบบการตรวจหาโควิด-19 และการลงทุนด้านสาธารณสุข ซึ่งจีน ไต้หวัน ฮ่องกง เกาหลีใต้ มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา ลาว รวมทั้งไทย อยู่ในกลุ่มรัฐบาลที่รับมือกับไวรัสโควิด-19 ได้ดี
รวมถึงยังพิจารณาจากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่ส่งสัญญาณแนวโน้มฟื้นตัวของประเทศนั้นๆ เช่น อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งดัชนีดังกล่าวเดือนมิ.ย.63 ที่จัดทำโดยสถาบันมาร์กิตพบว่า มีหลายประเทศที่มีค่าดัชนีเกินกว่า 50 ได้แก่ จีน เวียดนาม มาเลเซีย และออสเตรเลีย
“จากการพิจารณาปัจจัยต่างๆ แล้ว พบว่า ตลาดศักยภาพสำหรับการส่งออกของไทย ได้แก่ จีน ไต้หวัน ฮ่องกงเกาหลีใต้ มาเลเซีย เวียดนาม เมียนมา ลาว ส่วนตลาดส่งออกสำคัญ เช่น สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น แม้การส่งออกในภาพรวมจะหดตัว แต่เป็นการหดตัวในอัตราที่ลดลง และสินค้าบางรายการยังสามารถรักษาระดับการเติบโต โดยเฉพาะอาหาร และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูป”
อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไท่ย ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านคุณภาพและสุขอนามัยของสินค้า โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดและช่วงหลังโควิด-19 ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ส่งออกยังต้องปรับรูปแบบการทำธุรกิจและ การค้าให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุควิถีชีวิตใหม่ เพื่อหาจุดขายใหม่ๆ ให้แก่สินค้าและบริการ ซึ่งจะทำให้สามารถรักษาฐานตลาดเดิม และชิงส่วนแบ่งจากตลาดใหม่ได้ต่อไป
