“พาณิชย์-เอกชน” จับมือลุยไฟ แก้ปัญหาส่งออก



  • หวังให้ส่งออกคล่องโกยรายได้เข้าประเทศมากที่สุด
  • มีทั้งเร่งส่งออกข้าวรถยนต์ลดต้นทุนขนส่งทางเรือ
  • เปิดด่านชายแดนเชื่อมเขตเศรษฐกิจพิเศษไทยลาวจีน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและะเอกชนด้านการพาณิชย์ (กรอ.พาณิชย์) ว่า ที่ประชุมได้หารือประเด็นปัญหาที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของไทยได้ข้อสรุปออกมาทั้งสิ้น 15 ประเด็น ที่จะต้องเร่งแก้ไขและผลักดัน โดยมีทั้งเรื่องที่จะดำเนินการในทันที เรื่องที่ต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้การส่งออกของไทยมีความคล่องตัว นำรายได้เข้าประเทศให้ได้มากที่สุด 

โดยปัญหาทั้ง 15 ประเด็น เช่น เร่งรัดการส่งออกข้าว ตามที่ได้ทำสัญญาซื้อขายกับรัฐบาลจีน 1 ล้านตัน แต่ล่าสุดส่งมอบได้เพียง 700,000 ตัน เหลืออีก 300,000 ตัน ซึ่งผู้ส่งออกข้าวไทยอยู่ระหว่างการเสนอราคาให้ฝ่าย, แก้ไขปัญหาการส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม ที่ยังติดประเด็นการตรวจสอบมาตรฐาน แต่อาเซียนมีข้อตกลงยอมรับร่วมสินค้ายานยนต์ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการให้สัตยาบันของสมาชิก เพื่อให้มีผลบังคับใช้  คาดจะมีผลบังคับใช้ในกลางปีหน้า 

นอกจากนี้ ยังต้องแก้ปีญหาการส่งออกไปอินเดีย ที่มีอินเดียกำลังจะบังคับใช้มาตรฐานสินค้าเคมีภัณฑ์และปุ๋ยเคมีและต้องมาตรวจสอบมาตรฐานสินค้าเป็นรายโรงงาน รายสินค้า ซึ่งได้มอบให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหารือกับอินเดีย เพื่อแก้ปัญหาแล้ว, การสร้างความเชื่อมั่นสินค้าไทยปลอดโควิด-19 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการอยู่แล้ว, การแก้ไขปัญหาต้นทุนขนส่งสินค้าทางเรือที่สูงขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาต่อไป 

ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์ หารือในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ., การช่วยเหลือสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี), การเร่งรัดเปิดด่านการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่ได้ปิดไปเพราะป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเน้นฝั่งลาว และกัมพูชา 

รวมถึงผลักดันเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษ 3 ประเทศ ได้แก่ จีน ลาว และไทย เข้าด้วยกันเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน, เดินหน้าเร่งรัดการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และผลักดันทำข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆ ระดับมณฑล หรือรัฐ, จัดตั้งกองทุนเพื่อรองรับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า (กองทุนเอฟทีเอ) เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เป็นต้น