“พาณิชย์” ลุยแก้ปัญหาราคาข้าวเปลือกเหนียวตกต่ำ



  • ล่าสุดชานาขายข้าวเกี่ยวสดได้แค่ตันละ 7-7.5 พันบาท
  • อ้อนโรงสี ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการข้าวถุงเร่งรับซื้อ
  • พร้อมจี้จีนเร่งซื้ออีกแรง หลังเหลือซื้อตามสัญญาอีก 3 แสนตัน

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม รองอธิบดี รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ รวมถึงผู้ประกอบการโรงสี ผู้ส่งออก และผู้ประกอบการข้าวถุง เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาราคาข้าวเหนียวลดลง ตามข้อสั่งการของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ว่า กรมการค้าภายในและกรมการค้าต่างประเทศ ได้ขอความร่วมมือสมาคมโรงสีข้าวไทย และสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เร่งรับซื้อข้าวเปลือกเหนียวจากเกษตรกรในพื้นที่แหล่งผลิต โดยสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย และสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย จะได้ช่วยรับซื้ออีกต่อ เพื่อส่งออก และผลิตเป็นข้าวสารบรรจุถุงขายในประเทศ 

ขณะเดียวกัน ได้ประสานห้างค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่จัดให้มีพื้นที่จำหน่ายข้าวสารเหนียว และจัดกิจกรรมรณรงค์การบริโภค พร้อมกันนั้น กรมการค้าต่างประเทศจะเจรจากับคอฟโก รัฐวิสาหกิจของจีน เพื่อเสนอขายข้าวเหนียวและข้าวชนิดอื่นภายใต้สัญญาซื้อขายข้าวไทย-จีน 1 ล้านตัน และยังเหลืออีก 300,000 ตัน ที่จีนจะต้องซื้อจากไทยให้ครบ รวมทั้ง บูรณาการร่วมกับกรมศุลกากรและฝ่ายความมั่นคงเพื่อเข้มงวดการนำเข้าและการขออนุญาตขนย้ายข้าวเข้ามาในประเทศ เพื่อป้องกันไม่ให้ลักลอบนำเข้าข้าวเหนียวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด  

สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ปลูกข้าวเปลือกของรัฐบาลนั้น กระทรวงพาณิชย์ได้นำเสนอมาตรการประกันรายได้ข้าวเปลือกปี 63/64 และมาตรการคู่ขนาน คือ โครงการสินเชื่อชะลอการจำหน่าย ซึ่งเกษตรกรจะได้รับค่าฝากเก็บ ตันละ1,500 บาท โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวของสถาบันเกษตรกร และโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเร็วๆ นี้ ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนและเก็บเกี่ยวไปแล้วก่อนที่ครม.อนุมัติยังคงได้รับสิทธิ์ตามโครงการประกันรายได้ปี 2 

นายวัฒนศักย์ กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ราคาข้าวเปลือกเหนียวลดลงในขณะนี้ เป็นข้าวเหนียวนาปรังพันธุ์สันป่าตอง 1 ที่กำลังออกสู่ตลาด ซึ่งปกติราคาตลาดจะต่ำกว่าข้าวเปลือกเหนียวนาปีพันธุ์ กข 6 ที่จะออกสู่ตลาดมากในช่วงปลายเดือนพ.ย.63 อยู่แล้ว ประกอบกับ ในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกชุก ทำให้มีความชื้นสูง ราคารับซื้อข้าวที่ความชื้นไม่เกิน15% จะอยู่ที่ตันละ 9,000 – 9,500 บาท ส่วนข้าวเกี่ยวสด ความชื้น 28% ตัละ 7,000 – 7,500 บาท อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์เพาะปลูกข้าวเปลือกเหนียวในปีนี้ ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ เห็นว่า ปริมาณใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ไม่ได้เพิ่มสูงมากอย่างที่คาดการณ์กันไว้ และคาดว่า ราคาข้าวเปลือกเหนียวปัจจุบัน น่าจะอยู่ที่จุดต่ำสุดแล้ว