
- เข้มกฏพักในโรงแรม ห้ามพาคู่เกย์ คู่ขา เข้าพักเด็ดขาด
- ยกเว้นเดินทางมาด้วยกันจากประเทศต้นทาง
นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยในการประชุมสมาชิกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(แอตต้า) ในหัวข้อ “เจาะลึกทุกประเด็นกับ ภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์” ว่า การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วเข้ามาจ.ภูเก็ต โดยไม่ต้องกักตัว ที่จะเร่ิมในวันที่ 1 ก.ค.นี้ แต่การหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร (Standard Operation Procedures หรือ SOP) ยังไม่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่าเร็วสุดจะเป็นวันที่ 26 หรือ 28 มิ.ย.นี้ เป็นผลให้สถานทูตไทยในต่างประเทศยังไม่สามารถออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าไทย (Certificate of Entry:COE) ที่ต้องนำมาประกอบวีซ่าในการเดินทางเข้าไทย ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยื่นขอไปได้
ฉะนั้น ในวันที่ 1 ก.ค.ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะมาที่ จ.ภูเก็ต และรับนักท่องเที่ยวชุดแรก 99 คน ก็ไม่รู้ว่าพอถึงเวลาจริงๆ แล้วจะเดินทางมาครบหรือเปล่า เช่นเดียวกับที่มี 5 สายการบินแสดงความประสงค์จะเข้าภูเก็ต ในวันที่ 1 ก.ค. ล่าสุดได้รับการยืนยันมาเพียง 2 สายการบิน คือ สิงคโปร์แอร์ไลน์ และกาตาร์แอร์เวย์ส แต่ภายหลังจากที่มีการประกาศ SOP ในราชกิจจานุเบกษาแล้วคงจะมีการเดินทางเข้ามามากขึ้น
นายภูมิกิตติ์ กล่าวต่อไปว่า มีการสอบถามเข้ามาในกรณีสามีเป็นชาวต่างชาติ เดินทางเข้าภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ซึ่งต้องเข้าพักในโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวและสุขอนามัย(SHA+) จะสามารถพักร่วมกับภรรยาคนไทยได้หรือไม่ ตรงนี้อยู่ระหว่างหาข้อสรุปอย่างเป็นทางการ ในเบื้องต้น ต้องเป็นสามีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฏหมายเท่านั้น แต่หากเป็นแค่แฟนสาว คู่รัก คู่นอน หรือสาวเอ็น จะไม่อนุญาติ เช่นเดียวกับคู่รักที่เป็นเพศที่ 3 ก็พักร่วมกันไม่ได้ ยกเว้นเป็นผู้ที่เดินทางมาด้วยกันตั้งแต่ประเทศต้นทาง ซึ่งก็มีชาวต่างชาติถามมาเหมือนกันว่าต้องการมาหาคู่ขาได้หรือไม่ ซึ่งก็ไม่ได้เช่นกัน แม้ในช่วงเวลากลางวันจะไม่สามารถรู้ว่าเขาไปทำอะไรกันบ้าง แต่ก็ต้องมีหลักเกณฑ์ขึ้นมา
ขณะเดียวกัน ได้ข้อสรุปกรณีผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศจะต้องถูกตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR 3 ครั้ง นักท่องเที่ยวจะต้องเป็นผู้เสียค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด โดยครั้งแรกต้องตรวจที่สนามบิน ส่วน 2 ครั้งหลังในวันที่ 6-7 และวันที่12-13 จะมีศูนย์ตรวจหริือ สวอป เซ็นเตอร์ ทั่วภูเก็ต รวม 7 แห่ง ราคาค่าตรวจครั้งละ 2,800 บาท หรือตรวจที่โรงพยาบาล 4-5 แห่ง ครั้งละ 3,500 บาท ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบที่เดินทางมากับผู้ปกครอง จะไม่ถูกสวอปแตใช้วิธีนำน้ำลายมาตรวจ
“ในกรณีที่ผู้เดินทางมาถูกตรวจพบว่่าติดเชื้อจะถูกส่งเข้าโรงพยาบาลทันที โดยเก็บค่ารักษาจากบริษัทประกันที่ทำมา ส่วนผู้ร่วมเดินทางจะให้พักที่สถานที่กักกันทางเลือก หรือ ALQ โดยให้โรงแรมที่นักท่องเที่ยวจองมาโอนจ่ายเงินให้ ALQ แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าโอกาสเจอผู้ติดเชื้อจะต่ำมาก เพราะฉีดวัคซีนมาครบโดส และสวอปมาแล้ว เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้คนเดินทางจากต่างประเทศเข้าไทย ซึ่งไม่ได้ฉีดวัคซีน และเข้าพัก ALQ พบผู้ติดเชื้อเพียง 3.7% หรือ 100 คน พบเพียง 3 คนเท่านั้น”
นอกจากนี้ มีประเด็นที่จะขอหารือนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ที่จะลงมาตรวจพื้นที่ภูเก็ต ในวันที่ 25 มิ.ย.นี้ว่าทำไมต้องให้นักท่องเที่ยวโหลดแอปพลิเคชั่นทั้งหมอชนะ และไทยแลนด์พลัส ซึ่งการมีหลายแอปจะมั่วมาก










