ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ชื่นชมระบบประกันสุขภาพถ้วยหน้า “อนุทิน” เผยไทยสนใจร่วมบริจาควัคซีนแก่แอฟริกา



น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 64 เวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส หลังการเข้าร่วมประชุม สมัชชาอนามัยโลก สมัยพิเศษ ณ สำนักงานใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส เป็นวันที่ 2 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ได้พบหารือทวิภาคีกับนาย Tedros Adhanom Ghebreyesus ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ในประเด็นที่ให้ประเทศไทยเข้าร่วมใน BioHub System  ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาระบบสากลในการแบ่งปันเชื้อไวรัส สำหรับการพัฒนามาตรการป้องกันการระบาดของโรคต่างๆ ที่รวดเร็ว มีการตอบสนองทางการแพทย์อย่างทันท่วงที  

นอกจากนี้ การหารือยังรวมถึงการที่ไทยจะเข้าร่วมโครงการนำร่องการทบทวนหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าและความมั่นคงทางสุขภาพด้านการเตรียมความพร้อมและการตอบสนอง (Universal Health Preparedness and Response, UHPR) เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางปฏิบัติทั้งในระดับประเทศและภูมิภาคเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข  

“ในการหารือผู้อำนวยการใหญ่ WHO ได้ชื่นชมที่ประเทศไทยมีระบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ระบบสุขภาพปฐมภูมิหรือ Primary Health Care ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุขได้ใช้โอกาสนี้ในการแชร์ประสบการณ์ด้านสาธารณสุขของประเทศไทยว่าการมีระบบสุขภาพ 3 หมอ ตั้งแต่ อสม. พยาบาลวิชาชีพประจำ รพสต. ก่อนจะส่งต่อผู้ป่วยมายังโรงพยาบาล ได้ช่วยให้ไทยสามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างทั่วถึง และเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” น.ส.ไตรศุลี กล่าว  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในการหารือ นายอนุทิน ยังได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบไขว้ในประเทศไทย ซึ่งช่วยลดระยะเวลาและเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ประชาชนได้เป็นอย่างดี พร้อมกับแจ้งให้ทาง WHO ทราบถึงนโนบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ว่า เนื่องจากขณะนี้ไทยได้รับวัคซีนโควิด-19 จำนวนที่เพียงพอ และมีหลายแพลตฟอร์ม และยังอยู่ระหว่างการพัฒนาวัคซีนภายในประเทศเอง ก็มีความสนในที่จะบริจาคให้กับประเทศที่ยังเข้าถึงวัคซีนน้อย เพราะก่อนหน้านี้ที่ประเทศไทยมีการระบาดหนัก และวัคซีนมีจำกัดนั้น ก็ได้รับการช่วยเหลือ ได้รับบริจาคจากหลายประเทศ จนผ่านพ้นช่วงวิกฤตมาได้  

ทั้งนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ WHO ได้เสนอว่า หากไทยมีความสนใจในการแบ่งปันวัคซีนแก่ประเทศที่ยังเข้าถึงวัคซีนน้อยอาจจะเลือกเข้าร่วมโครงการ African Vaccine Association Trust หรือ AVAT ซึ่งเป็นโครงการบริจาควัคซีนต่อจาก COVAX แต่เป็นการบริจาคให้กับประเทศในทวีปแอฟริกาโดยตรง  

“รองนายกรัฐมนตรีแสดงความสนใจที่ประเทศไทยจะให้ความช่วยเหลือแบ่งปันวัคซีนแก่ประเทศในแอฟริกา ที่ขณะนี้เผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน และขณะนี้ประชาชนยังเข้าถึงวัคซีนน้อย ซึ่งได้แจ้งกับ WHO ว่านำประเด็นนี้กลับมาหารือกับพล.อ.ประยุทธ์ และแจ้งแนวทางร่วมโครงการของประเทศไทยอย่างเร่งด่วนต่อไป” น.ส.ไตรศุลี กล่าว  

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในตอนท้ายการหารือรองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมแสดงความยินดีกับโอกาสที่ นาย Tedros Adhanom Ghebreyesus จะได้รับการรับรองจากประเทศสมาชิกให้เป็นผู้อำนวยการใหญ่ WHO อีกสมัย เนื่องจากการเลือกตั้งใหม่ในปีหน้า สมาชิกจาก 20 กว่าประเทศได้เสนอชื่อผู้อำนวยการใหญ่ WHO คนปัจจุบันเพียงรายเดียวจึงรอเพียงการประชุมเพื่อรับรองเท่านั้น