- มุ่งเป้า “อัศวินี ไตลังคะ” ประธานคณะกรรมการบริษัท พร้อมกระบวนการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท
- ชี้อาจฝ่าฝืนจรรยาบรรณธุรกิจ ข้อบังคับบริษัท และพิจารณาค่าตอบแทนของบริษัท
- หากพบความผิดต้องมีการลงโทษ และส่งคืนผลประโยชน์ที่ได้ไปโดยมิชอบ ชดใช้สินไหมทดแทนให้บริษัท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือEASTW โดยจะคุ้นชินเรียกกันตอดปากว่า “อีสท์ วอเตอร์” ไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวนัก แต่ขณะนี้กำลังตกเป็นข่าวใหญ่ หลังผู้ถือหุ้นบริษัทฯ ได้ยื่นเรื่องร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อตรวจสอบความผิดของผู้บริหารระดับสูง
นายราชิต สุวรรณ หนึ่งในตัวแทนผู้ถือหุ้น EASTW ที่ยื่นหนังสือถึง ก.ล.ต. เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยขอให้ตรวจสอบการบริหารงานของ นางอัศวินี ไตลังคะ ประธานคณะกรรมการบริษัท และกระบวนการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท ซึ่งอาจฝ่าฝืนจรรยาบรรณทางธุรกิจ ข้อบังคับบริษัท และพิจารณาค่าตอบแทนของบริษัท
นายราชิต กล่าวว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่า ประธานคณะกรรมการบริษัทอาจมีการกระทำที่ฝ่าฝืนจรรยาบรรณ เรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์รายการที่เกี่ยวโยงกัน และการทำธุรกรรมระหว่างกันของกลุ่มบริษัท จึงต้องการให้ก.ล.ต.ตรวจสอบ
โดยหากพบความผิดของให้มีการลงโทษ รวมทั้งการส่งคืนผลประโยชน์ทั้งหมดที่นางอัศวินีได้ไปโดยมิชอบ และชดใช้สินไหมทดแทนให้บริษัท และการลงโทษทางแพ่ง โดยปรับตั้งแต่ 5 แสนบาท รวมทั้งจำคุกไม่เกิน 5 ปี
นอกจากนั้น ตัวแทนผู้ถือหุ้นยังมีเหตุอันควรน่าสงสัย และขอให้ ก.ล.ต.ตรวจสอบการพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนเพื่อสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ แทนผู้ที่จะหมดวาระ ซึ่งอาจฝ่าฝืนกฎบัตรคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน
แม้จะไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมที่ส่อไปในทางการขัดแย้งผลประโยชน์ทางธุรกิจในรายการที่เกี่ยวโยงกัน แต่ข้อกล่าวหาของตัวแทนผู้ถือหุ้น ที่พุ่งตรงไปยังประธานคณะกรรมการ EASTW ถือว่าร้ายแรงมาก ซึ่ง ก.ล.ต. มีหน้าตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ปรากฏต่อไป
ทั้งนี้ EASTW เป็นบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ค่อยมีข่าวเกี่ยวกับบริษัทมากนัก โดยเป็นหุ้นประเภทปัจจัยพื้นฐานดี เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว โดยมีกำไรต่อเนื่อง จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ มีค่าพี/อี เรโช ที่ 12 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทน 5.22%
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นประกอบด้วย การประปาส่วนภูมิภาค ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 40.20% ของทุนจดทะเบียน มีผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวน 11,364 ราย ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วน 41.08% ของทุนจดทะเบียน
ทั้งนี้ประชาชนทั่วไปไม่สามารถรู้ได้ว่า การบริหารจัดการภายในบริษัทจดทะเบียนแห่งนี้มีความโปร่งใสหรือไม่ เพราะผู้ที่จะทำหน้าที่ติดตามตรวจสอบการบริหารงานคือ ผู้ถือหุ้น เพราะเป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียในฐานะที่ร่วมนำเงินเข้าไปลงทุน โดยหวังผลตอบแทนที่ดี
อย่างไรก็ตาม ถ้าการบริหารงานภายในเกิดความผิดพลาด มีความไม่โปร่งใส ผู้ถือหุ้นจะได้รับความเสียหาย จึงจำเป็นที่ผู้ถือหุ้นจะต้องติดตามสอดส่องการบริหารงานของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งไม่เฉพาะผู้ถือหุ้น EASTW เท่านั้น แต่ผู้ถือหุ้นบริษัทจดทะเบียนทุกแห่ง จะต้องทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าดูพฤติกรรมของผู้บริหารหรือกรรมการบริษัท ไม่ใช่เป็นเพียงการซื้อขายหุ้น โดยหวังกำไรจากส่วนต่างของราคาหุ้นเท่านั้น
ทั้งนี้ข้อกล่าวหา ประธานคณะกรรมการ EASTW แม้ว่าจะร้ายแรงมาก และจะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริง แต่การออกมาเคลื่อนไหวของผู้ถือหุ้น EASTW ถือเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง ตามสิทธิ์ และหน้าที่ของผู้ถือหุ้นที่พึงกระทำ
โดยถ้าพบเหตุอันควรสงสัยว่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนกระทำผิด และอาจสร้างความเสียหายให้บริษัท ผู้ถือหุ้นก็ควรลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง แจ้งข้อมูลเบาะแสให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบ เช่นเดียวกับกรณีของ EASTW
อย่างไรก็ตามในส่วน “อัศวินี ไตลังคะ” ประธานคณะกรรมการ EASTW จะกระทำผิดตามที่ผู้ถือหุ้นกล่าวหาหรือไม่อีกไม่นาน ก.ล.ต. คงมีคำตอบให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
