ผลจะออกแบบไหน…รอลุ้น! “เลขาฯ ศบค.” ลั่นขอประเมินสถานการณ์โควิด 15 วันก่อนเคาะจะล็อกดาวน์หรือไม่



  • เผยหากล็อกดาวน์ ก็จะเน้นเข้มข้นในพื้นที่แพร่ระบาดใน กทม.-ปริมณฑล พร้อม 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้
  • ด้านพื้นที่อื่น จะมีมาตรการเสริม หากล็อกดาวน์หรือเซมิล็อกดาวน์ หรืออะไรก็ตาม
  • ยอมรับหากมีคำสั่งจริงจะกระทบประชาชนมาก และใช้งบเยียวยาสูง
  • ด้านคลังแจ้งข้อมูลล็อกดาวน์ เม.ย.63ใช้งบประมาณเยียวยาเดือนละเกือบ 3 แสนล้าน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (7 ก.ค.64) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฎิบัติการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศปก.ศบค. กล่าวถึงข้อเสนอให้ ศบค.ล็อกดาวน์ เนื่องจากตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตสูงขึ้นต่อเนื่องว่า ได้ยินอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้เรารอข้อเสนออย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ก่อน โดย ศบค.พร้อมรับไว้พิจารณาอยู่แล้ว จากนั้นจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

“ขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อยังทรงตัวอยู่ แต่ตัวเลขจะถึงขั้นไหนค่อยมาว่ากันอีกที อยากให้สื่อทำความเข้าใจกับคำว่าล็อกดาวน์ ว่าหมายความว่าอย่างไร ถ้าเป็นเหมือนตอนเดือนเม.ย.2563 คือการล็อกดาวน์จริง เพราะรวมถึงการเคอร์ฟิวส์ด้วย แต่หลังจากนั้นไม่ใช่ล็อกดาวน์ แต่เป็นการปิดกิจการและจำกัดการเคลื่อนย้าย ดังนั้นถ้าใช้คำว่าล็อกดาวน์ ในขณะนี้ที่เป็นการปิดบางกิจการ คนจะเข้าใจว่าเป็นสถานการณ์เหมือนช่วงเดือน เม.ย.2563 ซึ่งความหมายจะผิดเพี้ยนไป” เลขาธิการ สมช. กล่าว

นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า จะพิจารณาเรื่องนี้ ในวันที่ 12 ก.ค.64 เลยหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ถ้าตัวเลขเพิ่มขึ้นก็อาจจะเร็วกว่านั้น แต่ถ้ายังเป็นลักษณะขึ้นลงแบบนี้ อาจรอดูสถานการณ์ให้ครบ 15 วันก่อน เพื่อประเมินทีเดียว แล้วดูให้ครบถ้วน โดยจะต้องทำอย่างอื่นไปด้วย เช่นการควบคุมการเคลื่อนย้าย การแก้ปัญหาเรื่องเตียงไม่พอ ไม่ใช่ว่าจะนั่งรอดูตัวเลขอยู่เฉยๆ

อีกทั้งเมื่อถามว่า หากจะประกาศล็อกดาวน์ จะประกาศเฉพาะพื้นที่ที่พบการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลต้ามากที่สุด หรือจะประกาศในภาพรวมทั้งหมด พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า จะเน้นเข้มข้นในพื้นที่ที่แพร่ระบาดทั้งใน กทม.และปริมณฑล และ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนพื้นที่อื่นจะมีมาตรการเสริม หากล็อกดาวน์หรือเซมิล็อกดาวน์ หรืออะไรก็ตาม ถ้าทำเฉพาะ กทม.หรือปริมณฑล แต่พื้นที่อื่นไม่ทำ ก็จะไม่สอดคล้องกันดังนั้นต้องลดหลั่นไปตามความเหมาะสม

โดยเมื่อถามว่า เหตุใดรัฐบาลจึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้ คำว่าล็อกดาวน์ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ไม่ได้หลีกเลี่ยง แต่ความหมายต้องชัดเจน คำว่าล็อกคือไม่ให้ไปไหน แต่ช่วงหลังให้ไปไหนมาไหนได้ เมื่อใดที่ต้องใช้คำว่าล็อกดาวน์หรือทำบางช่วงเวลา และบางพื้นที่ต้องระบุให้ชัดเจน

ทางผู้สื่อข่าวยังถามย้ำว่า การล็อกดาวน์ ช่วงเดือน เม.ย.2563 ได้ผล จึงมีข้อเสนอให้ล็อกดาวน์ขึ้นมาอีกครั้ง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ต้องยอมรับความจริงว่า ผู้ประกอบการหาเช้ากินค่ำ หรือผู้ที่ไม่มีรายได้ประจำเดือดร้อนมาก ถ้าทำอย่างนั้นคนจะเดือดร้อนจำนวนมากอีก ทั้งนี้กระทรวงการคลัง ได้แจ้งข้อมูลในช่วงล็อกดาวน์เมื่อเม.ย.2563 ว่าใช้งบประมาณเยียวยา เดือนละเกือบ 3 แสนล้านบาท โดยถ้าเราทำอีกจะต้องหางบประมาณมาเยียวยาประชาชนอีกมาก 

ทั้งนี้ในข้อเท็จจริงแม้จะใช้งบถึงเดือนละ3 แสนล้านบาท ก็ยังไม่สามารถเยียวยาประชาชนได้ทั่วถึง ทาง ศบค.คำนึงผลกระทบตรงนี้ที่มีต่อประชาชน จึงให้บางส่วนยังทำมาหากินได้ โดยไม่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดคือสิ่งที่ดีที่สุด และหากจะทำต้องวิเคราะห์ปัจจัยที่เป็นสาเหตุทั้งหมด ถ้ากระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าต้นเหตุคือทั้งหมดทุกส่วนก็จำเป็นต้องล็อกดาวน์

ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงมาตรการขอความร่วมมือเวิร์กฟอร์มโฮม (WFH) ที่ยังไม่ถึง 75% นั้น ศบค.จะมีมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่ พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ข้อกำหนดทุกฉบับที่ออกมาจะเน้นว่า ให้ทำงานที่บ้านสูงสุด แต่ส่วนราชการบางส่วนมีภารกิจบริการประชาชน บางส่วนมีความสำคัญต่อการบริหารราชการแผ่นดิน บางส่วนมีหน้าที่ด้านความมั่นคง ที่จำเป็นต้องมาทำงาน โดยรัฐบาล และศบค.ย้ำเสมอว่า เมื่อมาทำงานต้องระวัง และที่ผ่านมาหน่วยงานที่ขอความร่วมมือแต่ยังปฎิบัติไม่เต็มที่คือภาคเอกชน