ปี 65 ต่างชาติหอบเงินลงทุนในไทย 1.28 แสนล้านบาท



  • ญี่ปุ่นนำโด่งเฉียด 4 หมื่นล้านบาทรวม 151 ราย
  • จีนเข้ามาแค่ 31 ราย แต่เงินลงทุนกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท
  • ส่วนพื้นที่อีอีซีต่างชาติลุยลงทุน 5.2 หมื่นล้านบาท

นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ปี 65 คณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว อนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 583 ราย เม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 128,774 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 5,253 คน ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น 151 ราย เงินลงทุน 39,515 ล้านบาท ตามด้วยสิงคโปร์ 98 ราย เงินลงทุน 15,893 ล้านบาท, สหรัฐฯ 71 ราย เงินลงทุน 3,418 ล้านบาท, ฮ่องกง 40 ราย เงินลงทุน 18,188 ล้านบาท และ จีน 31 รายเงินลงทุน 23,306 ล้านบาท

ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับปี 64 พบว่า จำนวนที่อนุญาต เพิ่มขึ้น 13 ราย และเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 46,273 ล้านบาท จากปี64 ที่อนุญาต 570 ราย เงินลงทุน 82,501 ล้านบาท แต่จ้างงานคนไทยลดลง 197 คน จากปี 64 ที่จ้างงาน 5,450 คน  สำหรับธุรกิจที่ได้รับอนุญาต ล้วนสอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ  นโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ  และสนับสนุนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น บริการออกแบบก่อสร้าง ติดตั้ง และตรวจสอบระบบกักเก็บพลังงาน สำหรับโครงการโรงผลิตไฟฟ้าแบบผสมผสานสำหรับสนามบินอู่ตะเภา, บริการขุดลอก ถมทะเล และก่อสร้างม่านดักตะกอนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด, บริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า สำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น 

ส่วนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ปี 65 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุน 119 ราย คิดเป็น20% ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มูลค่าการลงทุน 52,879 ล้านบาท คิดเป็น 41% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 47 ราย ลงทุน 24,738 ล้านบาท ตามด้วย จีน 11 ราย ลงทุน 11,444 ล้านบาท และ สิงคโปร์11 ราย ลงทุน 5,005 ล้านบาท ธุรกิจที่ลงทุน เช่น บริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย, บริการ พัฒนาซอฟต์แวร์ ซึ่งเป็นการออกแบบและพัฒนาระบบบริหารจัดการควบคุมการผลิตในโรงงาน และระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลัง, บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชัน การอัพเกรดซอฟต์แวร์ต่างๆ เป็นต้น