

วันที่ 31 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา มีการพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 ระหว่างวันที่ 31 พฤษภาคม-2 มิถุนายน 2564 โดย พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงการจัดงบประมาณกระทรวงกลาโหมมากกว่ากระทรวงสาธารณสุข ว่า ไม่เป็นความจริง เพราะงบกลาโหมมีงบประมาณด้านบุคลากรและด้านภารกิจประจำ รวมถึงงบประมาณกองทัพ ซึ่งมีจำนวนไม่มาก และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีการปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมไปแล้วหลักหมื่นล้านบาทของแต่ละปี แต่สิ่งที่เป็นข้อผูกพันต้องดำเนินการต่อเป็นสิ่งจำเป็น
“ในส่วนของการที่ว่างบประมาณกระทรวงกลาโหมมากกว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะกระทรวงสาธารณสุขนอกจากงบประมาณของหน่วยงานแล้ว ยังมีงบประมาณกองทุนภายใต้สังกัดกระทรวงสาธารณสุขอีก 3 กองทุน กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กองทุนการแพทย์ฉุกเฉิน กองทุนภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย จำนวน 141,741 ล้านบาท รวมกับงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขเอง 153,940 ล้านบาท เมื่อรวมกันแล้วงบประมาณด้านสาธารณสุขจะมีทั้งสิ้น 295,681 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับปี 64 ลดลงเพียง 5,930 ล้านบาท หรือ ลดลงร้อยละ 1.7”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า หลายอย่างเข้าใจไม่ตรงกัน การบริหารงบประมาณ ถ้ามองตัวเลขอย่างเดียว แล้วมาบอกว่า ไม่เป็นธรรม ไม่ตรงกับสถานการณ์ อย่าลืมว่า เรามีเม็ดเงินรองรับการแก้ปัญหาเรื่องโควิด-19 ไว้หลายส่วน เช่น งบประมาณประจำ งบเงินกู้ ซึ่งได้ใช้ในระยะแรก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ในเรื่องการจัดหาจัดซื้อวัคซีนเราได้ดำเนินการมาทุกขั้นตอน เช่น การจัดหาในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G to G) ในการนำเข้า อย่างไรก็ตามวันนี้หลายประเทศประสบกับปัญหาความต้องการวัคซีนเพิ่มมากขึ้น (ดีมานด์มากกว่าซัพพลาย) ส่งผลต่อการบริหารวัคซีนของบริษัทผลิตวัคซีนที่ต้องบริหารจัดการความต้องของแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการถ่ายทอดการผลิตวัคซีนจากบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า แต่ก็ยังต้องขึ้นอยู่กับบริษัทแอสตร้าฯ ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ในการควบคุมการผลิตทั้งหมด
“วันนี้เราดำเนินการจัดหาวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ไม่ได้ทำอะไรเลย มีทั้งแผนหลัก แผนรอง แผนฉุกเฉิน ซึ่งผมคาดว่าการส่งมอบวัคซีนตามกำหนดไม่มีปัญหา ทั้งวัคซีนที่จัดหาโดยรัฐบาล คือ วัคซีนซิโนแวค และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า รวมถึงวัคซีนทางเลือก (วัคซีนซิโนฟาร์ม) ที่ได้มีการดำเนินการได้แล้ว ผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ อย่างไรก็ตามการนำเข้าวัคซีนยังต้องผ่านช่องทางรัฐต่อรัฐ ยืนยันว่าในเดือนมิถุนายนจะมีวัคซีนเข้ามาอย่างเพียงพอ ทั้งวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาและวัคซีนทางเลือก”
พล.อ.ประยุทธ์ทิ้งท้ายว่า การบริหารงบประมาณรัฐบาลได้พิจารณาอย่างเข้มงวด อย่างรัดกุม “ผมเองอ่านงบประมาณมาทั้งหมด ทุกคาดหน้า ผมอ่านมาแล้วด้วย และอ่านในสิ่งที่เป็นคำตอบเตรียมไว้ให้ท่าน (ส.ส.) อีกเยอะด้วย ผมไม่ได้หยุดนิ่ง ผมไม่ได้รอฟังเฉย ๆ ข้อมูลที่ท่านว่า ถ้ามีใครเคยทำผมก็ไม่ทราบ แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้น นั่งฟังข้อมูลที่ดี ๆ อย่างเดียว ผมเป็นคนฟังทุกข้อมูล แล้วเอามาแก้ปัญหาด้วยตัวของผมเอง โดยให้หน่วยงานต่าง ๆ เอาไปแก้ไข”