

- โครงสร้างภาษีเสนอรัฐบาลใหม่
- เงื่อนไขเข้มข้นเพื่อลดมลภาวะ
- ห้ามเผาอ้อย-เผามัน
นายเกรียงไกร พัฒนาภรณ์ รองอธิบดีกรมสรรพสามิต ในฐานะโฆษกกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการ 2 ราย แสดงเจตจำนงที่จะนำเอทานอลไปผลิตเป็นไบโอ-เอทีลีน(bio-based ethylene)เพื่อผลิตพลาสติกชีวภาพ เพื่อทดแทนพลาสติกในปัจจุบัน ได้แก่ กลุ่มเอสซีจี และกลุ่มบมจ.ปตท. เป็นต้น และเชื่อว่าจะมีเอกชนอีกหลายราย สนใจนำเอทานอลไปผลิตต่อยอดเป็นพลาสติกชีวภาพ ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของโลก ที่หันมาใช้ผลิตภัณฑ์รักษ์โลก ลดมลพิษ
สำหรับมาตรการภาษีเพื่อสิ่งแวดล้อมนั้น เป็นเป็นไปตามนโยบายสนับสนุนส่งเสริมการรักษาสภาพสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG ) หากเอกชนรายใด นำเอทานอล ไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกชีวภาพ จะได้รับการยกเว้นการจัดเก็บภาษีเช่นเดียวกับการนำไปผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง โดยปัจจุบันภาษีเอทานอลจัดเก็บในอัตราลิตรละ 80 บาท เป็นภาษีกลุ่มเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
ทั้งนี้การยกเว้นการจัดเก็บภาษีดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้น้ำมันผสมเอทานอล แต่อาจจะต้องมีเงื่อนไขชัดเจนว่า อ้อยที่นำมาผลิตเอทานอลนั้น ต้องไม่เผา ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง เป็นต้น โดยกรมสรรพสามิต จะต้องหารือกับโรงงานผลิตเอทานอล เพื่อนำเงื่อนไขไปแจ้งชาวไร่อ้อย ชาวไร่มันสำปะหลังด้วย เพื่อแก้ปัญหามลพิษจากการเผาอ้อยด้วย

“ขณะนี้กรมสรรพสามิต อยู่ระหว่างการจัดรายละเอียดมาตรการทางภาษี เพื่อส่งเสริมให้มีการนำเอทานอลไปใช้ผลิตพลาสติกชีวภาพมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)ของรัฐบาลชุดใหม่พิจารณาอนุมัติ เนื่องจากไม่สามารถเสนอได้ทันในรัฐบาลชุดนี้”
ทั้งนี้ปัจจุบันประเทศไทย มีโรงงานผลิตเอทานอล จากอ้อยและมันสำปะหลัง จำนวน 28 โรงงาน มีกำลังการผลิต 28,000 ล้านลิตรต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้จริง เพื่อนำไปผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง 1,500 ล้านลิตรต่อปี ดังนั้นในส่วนที่เหลืออีก 1,300 ล้านลิตร สามารถนำไปผลิตเป็นไบโอ-เอทีลีน เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกชีวภาพ เพื่อจำหน่ายในประเทศและในอนาคตสามารถส่งออกได้ด้วย
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า สำหรับการนำเอทานอลมาผลิตเป็นไบโอเ-อทิลีนนั้น สร้างประโยชหลายด้าน อาทิ ด้านส่ิงแวดล้อม สามารถย่อยสลาดได้ง่าย ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยพลาสติก 1 ล้านตัน สามารถดูดซับปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 3 ล้านตัน ด้านเศรษฐกิจ ส่งเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจBCG ที่มุ่งเน้นการนำทรัพยากรชีวภาพมาผลิตและใช้ให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าที่สุด การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และสร้างรายได้ในผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้ประเทศ ส่งเสริมการส่งออกและลดข้อจำกัดของมาตรการภาษีคาร์บอนของต่างประเทศ และด้านการเกษตร ช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรของประเทศให้ทันเท่าเทียมมาตรฐานสากล และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อมุ่งสู่เกษตรอย่างยั่งยืน และสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ให้เกษตรกร