ปตท.สผ. เผยผลการดำเนินงานปี 64 เติบโตตามแผนที่วางไว้ พร้อมพิจารณาจ่ายปันผล 5 บาทต่อหุ้น



นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชนหรือปตท.สผเปิดเผยถึงความสำเร็จจากการดำเนินงานในปี 2564 ซึ่งเป็นไปตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ แม้จะยังคงเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่ง ปตท.สผได้ร่วมในการต่อสู้กับวิกฤตโลกครั้งนี้มาโดยตลอด ทั้งการพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุข ได้แก่ เตียงและรถเข็นเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ กล่องทำหัตถการแรงดันลบ ชุดอุปกรณ์ระบบตรวจวัดอุณหภูมิตู้เก็บวัคซีนโควิด-19 และควบคุมห่วงโซ่ความเย็น หุ่นยนต์ CARA นำส่งเวชภัณฑ์และอาหาร และหุ่นยนต์ Xterlizer ฆ่าเชื้อโรคอัตโนมัติด้วยแสงยูวี รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์และงบประมาณอย่างต่อเนื่องให้กับโรงพยาบาล สถาบันการศึกษา และหน่วยงานต่าง  ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ การพัฒนาวัคซีนจุฬาฯใบยา เครื่องให้อากาศผสมออกซิเจนอัตราการไหลสูง เครื่องฟอกไตประสิทธิภาพสูง เครื่องผลิตออกซิเจน และกล่องความห่วงใย ซึ่งบรรจุชุดยาและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 สำหรับการรักษาตัวที่บ้าน ชุด PPE และหน้ากากอนามัย เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการลดหรือควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณค่าในระยะยาวให้แก่สังคมและชุมชน โดยให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและนิเวศทางทะเล เช่น โครงการศึกษาและวิเคราะห์ปริมาณไมโครพลาสติกครั้งแรกในอ่าวไทย รวมถึง ยังคงสานต่อโครงการเพื่อสังคม โดยในปี2564 ได้เปิดศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก 6 แห่ง เพื่อส่งเสริมการเพิ่มรายได้ให้กับชุมชนชายฝั่งในหลายจังหวัดภาคใต้ การจัดทำแนวเขตอนุรักษ์ชายฝั่งทะเลและบ้านปลา และสนับสนุนการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลในจังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง เป็นต้น 

โดยในปี 2564 ปตท.สผสามารถลดความเข้มของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการดำเนินงานต่าง  ได้ในปริมาณ 365,177 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ จากการปรับปรุงกระบวนการผลิตและริเริ่มโครงการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่  อย่างต่อเนื่อง เช่น การนำก๊าซเหลือทิ้งหรือก๊าซส่วนเกินกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตหรือนำไปใช้ประโยชน์ และการปลูกป่าชายเลนเพื่อช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศ 

ด้านผลการดำเนินงาน ปตท.สผประสบความสำเร็จในการเข้าร่วมทุนในโครงการโอมาน แปลง 61 ซึ่งเป็นแหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ของประเทศโอมาน รวมถึงการเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการมาเลเซีย แปลงเอช ซึ่งช่วยเพิ่มปริมาณขายให้กับบริษัทได้อย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้ปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 416,141 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับ 354,052 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันของปีก่อน ประกอบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในปี 2654 ปรับตัวสูงขึ้นจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น  ส่งผลให้ในปี 2564 ปตท.สผมีรายได้รวม 7,314 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 234,631  ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 37 จากปี 2563 ซึ่งมีรายได้รวม 5,357 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 167,418 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-recurring items) โดยหลักมาจากการตั้งด้อยค่าของสินทรัพย์ (Impairment) ในโครงการโครงการโมซัมบิก แอเรีย 1 จากการปรับแผนการพัฒนา เนื่องจากความไม่สงบภายในประเทศโมซัมบิก รวมถึง ผลขาดทุนจากการประกันความเสี่ยงราคาน้ำมัน

จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ ปตท.สผมีกำไรสุทธิในปี 2564 ที่ 1,211 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 38,864 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 68 จากปี 2563 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 720 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 22,664 ล้านบาททั้งนี้บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ที่ 28.52 ดอลลาร์ สรอต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบและมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา ที่ร้อยละ 73 ซึ่งเป็นไปตามที่เป้าหมายที่วางไว้ 

ความสำเร็จในการดำเนินงานของ ปตท.สผปี 2564 ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการขยายการลงทุนในต่างประเทศ ทั้งในมาเลเซีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลให้การดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย และยังคงส่งผลต่อเนื่องมาถึงปีนี้ด้วย สำหรับแผนงานหลักในปี 2565 นี้ ปตท.สผจะให้ความสำคัญกับกระบวนการเปลี่ยนผ่านการดำเนินการในแปลงจี 1/61 หรือแหล่งเอราวัณ ซึ่งบริษัทจะเข้าเป็นผู้ดำเนินการ (Operator) ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อให้การผลิตก๊าซฯ ให้กับประเทศเป็นไปอย่างราบรื่น โดยเมื่อเข้าไปเป็นผู้ดำเนินการแล้ว บริษัทจะพยายามอย่างเต็มความสามารถเพื่อทำให้อัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้เพิ่มสูงขึ้น เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับความต้องการใช้ก๊าซฯ ของประเทศไทย  สำหรับแผนงานในต่างประเทศ ปตท.สผ.คาดว่าจะเริ่มการผลิตครั้งแรกในโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ได้ในเร็ว  นี้ รวมทั้ง จะเร่งพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมต่าง  ที่บริษัทสำรวจพบในประเทศมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโครงการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และนำไปกักเก็บในอ่าวไทย (Carbon Capture Storage – CCS) ตามนโยบายที่มุ่งสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำในอนาคต” นายมนตรี กล่าว 

นอกจากนี้ จากผลประกอบการข้างต้น คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 อนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2564 ที่ 5 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ ปตท.สผได้จ่ายสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้วในอัตรา 2 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่27 สิงหาคม 2564  ส่วนที่เหลืออีก 3 บาทต่อหุ้น จะกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 และจะจ่ายในวันที่ 18 เมษายน 2565 ภายหลังได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี 2565 แล้ว  

นายมนตรี กล่าวด้วยว่า ในช่วงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานของโลก ซึ่งมุ่งเน้นไปยังพลังงานสะอาดนั้น ปตท.สผได้เตรียมพร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านดังกล่าว เพื่อจะมุ่งสู่การเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริมให้เกิดพลังงานสะอาดมากขึ้น เช่น การศึกษาความเป็นไปได้ของการนำเทคโนโลยีการดักจับ และการกักเก็บคาร์บอน(Carbon Capture and Storage – CCS) เข้ามาใช้ในแท่นผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย รวมทั้ง พลังงานรูปแบบใหม่ในอนาคต (Future Energy) ซึ่งการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ดังกล่าวนี้ จะช่วยให้ ปตท.สผสามารถดำเนินการผลิตก๊าซธรรมชาติเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศได้อย่างต่อเนื่อง เสริมสร้างการเติบโต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ ปตท.สผ.ในอนาคต