“บิ๊กตู่” ออกอาการบ่นพวกไร้จิตสำนึกต่อส่วนร่วม ทำโควิดกลับมาระบาดหนักในผับ เล็งพิจารณาจะปิดหรือไม่



วันนี้ (5 เม.ย.64) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีรัฐมนตรีเดินทางไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในวันเดียวกัน ว่า “ข่าวลือหรือ เขาก็มีการชี้แจงแล้ว” เมื่อถามย้ำว่า การชี้แจงยังไม่ชัดเจนว่าตกลงไปหรือไม่ไปสถานบันเทิงดังกล่าว นายกฯ กล่าวว่า “แล้วยังไง แล้วจะให้ผมทำอะไร”

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวสอบถามต่อว่า อยากทราบข้อเท็จจริงเพื่อให้ทุกคนป้องกันตัวเองได้ถูกต้อง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงก็ผมไม่ได้ไปกับเขา เขาก็เรียกมาตรวจสอบอะไรกันอยู่ แล้วเขาก็ยืนยันว่าไม่มี แล้วผมจะฟังใคร ข่าวลือหรือฟังข่าวจริง แต่ทุกคนต้องระมัดระวังมากที่สุด ถ้าเขาเป็นโควิด ก็รักษากันไป ถ้าเรามองก็มองเหมือนคนทั่วๆ ไป แต่เขาก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น ถ้าเขาทำนะ ผมก็ได้เตือนไปอย่างนั้น

เมื่อถามว่า จะตักเตือนอีกครั้งใน กทม.หรือไม่ว่าการไปไหนต้องระวังตัว โดย นายกฯ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามอีกว่า จะพิจารณาปิดผับหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า “กำลังพิจารณาอยู่”

ขณะที่เมื่อเวลา 09.30 น. ของวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายสำคัญของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ที่ได้รับการเลือกตั้งใหม่ เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ โดยกล่าวช่วงหนึ่งถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ว่า ที่ผ่านมาเราสามารถทำได้ดี และถือว่าดีมากในอันดับต้นของโลก ซึ่งไทยเราต้องทำให้ดีมากขึ้นกว่านี้ ทั้งส่วนราชการ รัฐบาล และทุกคนที่ช่วยกันอย่างเต็มที่ 

แต่ทุกอย่างต้องยอมรับว่าก็ต้องมีปัญหาบ้าง เนื่องจากเรามีจำนวนประชากรจำนวนมาก มีทั้งเรื่องความแตกต่างทางความคิด การยับยั้งช่างใจ หรือความสนุกสนานอย่างเลยเถิด เพราะนี่คือมนุษย์หรือคน ที่อยู่ในโหล มันก็วุ่นกันไปหมด เพราะต่างคนต่างมีความคิด จึงอยากขอร้องว่า หากจะแสดงความคิดก็ขอให้เป็นดนตรีสร้างสรรค์ ในทางที่ไม่ขัดแย้ง ทุกคนที่เป็นคนไทย คุณเป็นแบบนี้ แต่ถ้ามีความขัดแย้งก็แก้ไขปัญหากันไปในช่องทางที่มีอยู่ ไม่ใช่ช่องทางที่ไม่ควรจะใช้ จนทำให้เกิดปัญหาอีกมากตามมา เช่น การหยุดเชื้อไวรัสโคโรนา รองรับประกาศที่ดีแต่ก็ยังไม่ได้ 100%

“รัฐบาลคาดหวังว่าในช่วงสงกรานต์ทุกคนจะมีความสุข แต่มันก็เกิดขึ้นมาอีกจนได้ เพราะนี่คือคน ต่อให้มีมาตรการอะไรออกมาก็ตาม แต่เมื่อคนไม่ปฏิบัติตาม ยังไม่มีจิตสำนึกในความรับผิดชอบร่วมกัน ก็จะเป็นแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นในช่วงนี้มากๆ ในการรวมพลังไทยทั้งชาติ ทั้งในแง่ของประเทศชาติปลอดภัย ดับทุกข์ภัยทุกเรื่องหลายๆ เรื่องก็โทษกันไปมา โทษรัฐบาล ทั้งเรื่องอุบัติเหตุ การเสียชีวิต การสูญเสียทรัพย์สิน ก็โทษแต่เจ้าหน้าที่อยู่นั่นเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ในการช่วยเหลือดูแล โดยเฉพาะการติดตามการใช้กฎหมาย แต่ต้องยอมรับว่ามีการเล็ดลอดทุกอย่าง มีการฝ่าฝืนมาตรการต่างๆ ที่กำหนดขึ้นมา มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึก ซึ่งทุกอย่างจะต้องแก้ตรงนี้ แก้ให้ทุกคนมีจิตสำนึก ว่าเราจะร่วมมือกันในการแก้ปัญหาตรงนี้ได้อย่างไร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ไม่ว่าเราจะออกกฎหมายมากี่ฉบับก็ตาม ต่อให้มีกฎระเบียบ มีคนคุม หรือใช้กฎหมายรุนแรงต่างๆ ก็ไม่สามารถทำได้ถ้าเรารวมใจคนไทยทั้งชาติไม่ได้ ด้วยแรงศรัทธาด้วยความรักประเทศชาติ เราทุกคนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางภาวะเศรษฐกิจเกิดจากหลายอย่าง ประเทศไทยต้องเดินหน้าไปสู่ชีวิตวิถีใหม่ โดยการปรับวิธีคิดร่วมกัน ต้องร่วมกันคิด ร่วมกันทำและเดินไปข้างหน้า แต่ก็ยังมีคนบางคนยังตั้งคำถามว่า เราจะทำไหวหรือ ทำไมต้องบ่นทำลายกันแบบนี้ ทำลายขวัญเจ้าหน้าที่ ทำลายขวัญกำลังใจกันเอง ทำไมไม่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมามีการพัฒนากันไปตามลำดับทุกวัน มีการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราคนไทยทุกคนต้องช่วยกันหาให้เจอ

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำทั้งหมดทั่วโลก หลายคนมองแต่ประเทศไทย ก็อยากให้ลองหันไปดูประเทศอื่นด้วยว่า ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจกันแค่ไหน เราต้องมีวิธีคิดแบบนี้ถ้ามองเฉพาะใกล้ตัว ก็จะเห็นแต่ปัญหาของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าวิธีจะแก้ปัญหาในภาพรวมทำอย่างไร ถามแต่ว่าทำไมไม่มีเงินแจกเงินช่วย ถ้าคิดอยู่แค่นี้ก็ได้แค่นี้ ดังนั้นต้องคิดเหมือนรัฐบาล คิดว่าจะมีการทยอยดูแลคนไทยได้อย่างไรในช่วงเวลาต่างๆ ขณะเดียวกันต้องสร้างความเข้มแข็งด้วย อีกทั้งก็ต้องช่วยเหลือตัวเองควบคู่กันไป โดยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบที่มี ถ้าร่วมมือกันแบบนี้ทุกปัญหาจะลดลงประเทศชาติก็จะเดินหน้าต่อไปได้

ท้ายที่สุด นายกฯ ได้กล่าวด้วยว่า ตนไม่สบายใจเลยในเรื่องการแพร่ระบาดของโควิด ดังนั้นทุกคนต้องช่วยกัน และร่วมมือกันสร้างแรงศรัทธาให้กับประเทศ และสร้างความปลอดภัย ต้องไม่มีความขัดแย้ง รัฐบาลได้ปรับตัวและเปลี่ยนแปลงแล้ว ทุกคนควรจะต้องปรับตัวและเปลี่ยนแปลงพร้อมกัน