นายกฯ ขอให้คนไทยเชื่อมั่นจัดหาวัคซีนได้ 100 ล้านโดสในปีนี้



  • ปูพรมฉีดผู้ประกันตนมาตรา 33 รวม 45 จุดในกทม.
  • ยืนยันไม่ละเลยดูแลเศรษฐกิจ

วันนี้ (7 มิถุนายน 2564) เวลา 10.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมศูนย์ฉีดวัคซีนผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ณ อาคารกีฬาเวสน์ 1 สนามกีฬาไทย – ญี่ปุ่น ดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นวาระแห่งชาติ สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศ โดยมีพลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมตรวจเยี่ยมด้วยนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ขอบคุณและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่เสียสละ ตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อให้ประชาชนปลอดภัย และขอบคุณประชาชนที่สมัครใจมาฉีดวัคซีนกันมากขึ้นเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ แม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ขออย่าประมาท ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด สวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า เว้นระยะห่าง และหมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ยืนยัน นับจากวันที่ 7 มิถุนายน นี้ จะมีการฉีดวัคซีนปูพรมพร้อมกันทุกจังหวัด ทั่วประเทศ โดยจะปรับปริมาณวัคซีนให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของแต่ละพื้นที่ และครอบคลุมบุคลากรทุกกลุ่ม รวมถึงบุคลากรครู ผู้ประกันตนมาตรา 33 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในวงกว้าง


นายกรัฐมนตรียังยืนยันอีกด้วยว่า รัฐบาลจะทยอยส่งวัคซีนให้ทุกจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพมหานครอย่างต่อเนื่อง ณ วันนี้มีสถานที่ให้บริการมากกว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการฉีดวัคซีนบางส่วนแล้ว จำนวนประมาณ 4 ล้านคน คาดว่า เดือนมิถุนายนนี้จะสามารถฉีดเพิ่มขึ้นอีกตามจำนวนวัคซีนที่มีเข้ามา อย่างไรก็ตามหากในพื้นที่ใดที่มีคลัสเตอร์ใหม่ๆ เกิดขึ้นรัฐบาลก็มีการเตรียมวัคซีนรองรับสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว ขณะนี้มีทั้งวัคซีนซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า ที่กำลังทยอยเข้ามาซึ่งเป็นไปตามแผนและห้วงเวลาที่กำหนด รวมทั้งมีการลงนามสัญญาสั่งจองวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ที่คาดว่าจะมาอีกประมาณ 25 ล้านโดส รวมทั้งวัคซีนซิโนแวคอีกจำนวน 8 ล้านโดส เพื่อให้ครบ 100 ล้านโดสตามที่กำหนดจากเดิม 61 ล้านโดส ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 จนถึงปัจจุบัน ฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 4.2 ล้านโดส และในเดือนมิถุนายนนี้ จะทยอยฉีดวัคซีนซิโนแวคและแอสตร้าเซนเนก้าที่เข้าให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะมีการจัดหาวัคซีนสำรองรองรับตามสถานการณ์ความจำเป็นด้วย

สำหรับการลงทะเบียนสำหรับรับบริการฉีดวัคซีนนั้น สามารถผ่านหลายช่องทางทั้งระบบหมอพร้อม แอปพลิเคชันอื่นๆ รวมถึงผ่านระบบประกันสังคมของผู้ประกันตนมาตรา 33 โดยรัฐบาลจะบริหารจัดการวัคซีนที่มีอยู่ในแต่ละเดือน รวมทั้งที่ทยอยเข้ามาให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่มอย่างเหมาะสมรวมถึงประชากรแฝงที่อยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในแต่ละพื้นที่ และจังหวัดที่มีกลุ่มเป้าหมายพิเศษ เช่น พื้นที่ท่องเที่ยว กลุ่มแรงงาน และกลุ่มต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หรือชายแดนด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะแรงงานผู้ประกันตนมาตรา 33 และผู้ฉีดวัคซีนผ่านระบบหมอพร้อม โดยจะปรับปริมาณวัคซีนและการฉีดให้สอดคล้องกับสถานการณ์และเหมาะสมกับจำนวนความต้องการของประชาชน ภายใต้การกำกับและให้คำแนะนำของคณะกรรมการวัคซีนจังหวัดและบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข

ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรี ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่า นายกรัฐบาลจะทำอย่างเต็มที่ในการที่จะทำให้ทุกคนได้เข้าถึงวัคซีนที่มีอยู่ และจะเพิ่มเติมให้มากที่สุดทั้งปีนี้และปีหน้า เพียงทุกคนรวมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และรับฟังข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ มีภูมิต้านทานก่อนที่จะนำไปโพสหรือเผยแพร่ต่อ เชื่อมั่นหากทุกคนร่วมมือกันทั้งภาครัฐเอกชนและประชาชนจะทำให้ประเทศฟื้นตัวได้เร็วขึ้น รวมทั้งร่วมมือกันให้การแพร่ระบาด Covid-19 ลดลงให้ได้ พร้อมอวยพรให้ประชาชนทุกคน บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนมีความสุขและปลอดภัย ตลอดจนให้กิจการต่าง ๆ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งขอความร่วมมือกิจการร้านค้า และร้านอาหารต่าง ๆ ตลอดจนกิจการโรงแรม ให้ระมัดระวังป้องกันตนเองไม่ให้ไม่ติดเชื้อ ซึ่งจะเป็นการช่วยรัฐบาลอีกทางหนึ่งในการร่วมกันป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

นายกรัฐมนตรี ย้ำรัฐบาลพร้อมที่จะดูแลเพิ่มเติมให้มากยิ่งขึ้น รวมถึงด้านเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้กำลังประชุมหารือกันเพื่อหาแนวทางในการดูแลประชาชนทุกกลุ่มให้มีรายได้และอาชีพ สามารถดำรงชีพอยู่ได้ให้มากที่สุด