นักลงทุนหนีตาย ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงถล่มทลาย ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งเหว 2,013จุด



  • ตลาดประกาศใช้ ระบบ circuit breaker หลังดัชนีร่วงติดฟลอร์
  • นักลงทุนเทขายไม่ยั้ง วิตกโควิด-19 ราคาน้ำมัน เศรษฐกิจถดถอย
  • นักวิเคราะห์ชี้ยังไม่ใช่เวลาช้อน คาดตลาดหุ้นยังดิ่งได้อีก

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่9 มี.ค. ร่วงลงอย่างรุนแรง ปิดที่ 23,851.02 จุด ลดลง 2,013.76 จุด หรือ 7.79% ปิดที่ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 225.81 จุด ปิดที่ 2,746.56 จุด หรือ 7.6% ขณะที่ดัชีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดต่ำกว่า 8,000 จุด ที่ 7,950.68 จุดติดลบ 624.94 จุด หรือ 7.29%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กทรุดตัวลงอย่างหนักในวันนี้ โดยได้พักการซื้อขายเป็นเวลา 15 นาที หลังจากเปิดการซื้อขายได้เพียง 5 นาที โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 1,800 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ทรุดตัวลง 7% ส่งผลให้มีการใช้ระบบ circuit breaker เพื่อระงับการซื้อขายชั่วคราว ท่ามกลางปัจจัยลบจากการดิ่งลงของราคาน้ำมัน และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

โดยตลาดหุ้นสหรัฐใช้ระบบ circuit breaker แบบใหม่นี้เป็นครั้งแรก แต่ไม่สามารถต้านทานแรงขายของนักลงทุนอละความตื่นตระหนกของตลาดได้ ผผโดยดัชนีดาวโจนส์วันที่ 9 มี.ค.เป็นวันที่ลดลงรุนแรงที่สุด นับตั้งแต่ปี วันที่ 15 ต.ค.2551ในช่วงที่สหรัฐเผชิญวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งดัชนีดาวโจนส์ลดลง.7.9%

นักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์ปลอดถัย หลังมองว่า เศรษฐกิจโลกอาจเข่าสู่ภาวะถดถอย และกระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯมากกว่าที่คิด

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐ ร่วงลงวันเดียว10 ดอลลาร์ ถือเป็นการดิ่งลงมากที่สุด นับตั้งแต่สงครามอ่าวเปอร์เซียในปี 2542 หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเริ่มทำสงครามราคาซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าอุปทานน้ำมันจะล้นตลาด และปัจจัยนี้ฉุดให้ราคาหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงอย่างหนัก

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบดิ่งลงอย่างหนัก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 12.24% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 15.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทรุดตัวลง 53.4% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 37.6% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 27.7% หุ้นอาปาเช คอร์ป ดิ่งลง 53.8% หุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 46.8 และหุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ดิ่งลง 22.3%

หุ้นกลุ่มธนาคาร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างหนักเช่นกัน และยังได้รับแรงกดดันจากการคาดการ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 1.00% ในการประชุมสัปดาห์หน้า โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 14.7% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 10.35% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 10.39% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลง 13.57% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 12.45%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 7.9% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 6.7% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 6.4% หุ้นอินเทล ร่วงลง 8.8% หุ้น Nvidia ร่วงลง 7.4% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 5.3% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 6.17% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ทรุดตัวลง 10.95%

ทั้งนี้ ทำเนียบขาวได้ทำการเชิญผู้บริหารของบริษัทในย่านวอลล์สตรีทเข้าหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในวันพุธนี้ เพื่อหาทางร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาตลาดหุ้นทรุดตัวลงอย่างหนักวานนี้

นายโมฮาเหม็ด เอล-เอเรียน ซึ่งเป็นนักเศรษฐศาสตร์ และหัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของบริษัทอลิอันซ์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจดิ่งลงถึง 30% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในเดือนที่แล้ว ก่อนที่จะแตะฟลอร์

“ตลาดจะผันผวนต่อไปอีกระยะหนึ่ง ผมขอแนะนำนักลงทุนรายย่อยให้อยู่นอกตลาดในช่วงนี้ แต่อย่าตื่นตระหนก โดยยังคงมีโอกาสในการช้อนซื้อหุ้น แต่ยังไม่ใช่ในขณะนี้” เขากล่าว