- ย้ำโครงการที่ก่อสร้างจากนี้ ต้องมีความละเอียดรอบครอบ ดำเนินการให้เกิดความปลอดภัย
- เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน ให้ได้รับความสะดวกสบาย ไร้อุบัติเหตุในการเดินทาง
- เผยเหตุสะพานกลับรถพระราม 2 ถล่ม ขณะนี้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัย
- โดยมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ราย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนสอบ ยังไม่สรุปว่าร้ายแรงหรือไม่
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรม ระหว่างกรมทางหลวง กับสภาวิศวกร และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อบูรณาการความร่วมมือทางวิชาการและวิชาชีพวิศวกรรม ให้ครอบคลุมในทุกมิติด้านงานวิศวกรรม
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ตั้งแต่รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานในกำกับดูแล จะต้องยึดตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเฉพาะโครงการที่มีการก่อสร้างต้องมีความละเอียดรอบครอบดำเนินการให้เกิดความปลอดภัยตามแผนการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม ก็มีบางช่วงโครงการที่เกิดความล่าช้า เพราะได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ ในการMOU ถือว่าทั้ง 2 หน่วยงาน ได้มีส่วนช่วยด้านการตรวจสอบได้เป็นอย่างดี ซึ่งในส่วนของหน่วยงานกระทรวงคมนาคม มีทั้งหมด 19 หน่วยงาน และอีกเหลือ 18 แห่ง ก็จะขอความอนุเคราะห์ทั้ง 2 สภา ให้ความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี รัฐบาลได้มุ่งมั่นผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมในทุกๆด้านให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ สามารถรองรับการขนส่งและการเดินทางต่อเนื่องอย่างไร้รอยต่อ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทุกภาคส่วน ให้ประชาชนได้รับความสะดวกสบาย ปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุในการเดินทาง
นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า จากกรณีเหตุคานสะพานกลับรถ บริเวณกิโลเมตรที่ 34 บนถนนทางหลวงหมายเลข 35 หรือถนนพระราม 2 ซึ่งอยู่ระหว่างซ่อมแซมโครงสร้างได้ร่วงหล่น เมื่อวันที่ 31 ก.ค.65 โดยเหตุที่เกิดขึ้นอาจสร้างความไม่มั่นใจให้ประชาชนผู้สัญจรไปมาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กระทรวงคมนาคม จึงให้ความสำคัญกับโครงสร้างของสะพานต่าง ๆ โดยได้สั่งการให้กรมทางหลวงเร่งดำเนินการตรวจสอบสะพานในความรับผิดชอบ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน
“กรณีเหตุคานสะพานกลับรถบนถนนพระราม 2 กม.34 ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯหน้า รพ.วิภาราม ต.บางกระเจ้า ตกลงมาทับรถยนต์ในช่องทางด่วนขาเข้ากรุงเทพฯ เสียหายมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย เมื่อวันที่ 31 ก.ค.65 ที่ผ่านมาว่าขณะนี้กรมทางหลวง ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบวินัย โดยมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ราย ซึ่งอยู่ในขั้นตอนยังไม่สรุปว่าร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งได้เน้นย้ำอธิบดีกรมทางหลวงไปว่า เรื่องนี้ต้องละเอียด เพราะเกิดความเสียหายทั้งชีวิต และทรัพย์สิน โดยสามารถตอบคำอธิบายได้ อย่างไรก็ตาม หากบ้างเรื่องเร่งรัดมากไปก็อาจจะเกิดความไม่รอบคอบได้” นายศักดิ์สยามกล่าว
ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า กรมทางหลวงเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมให้มีความสะดวก ปลอดภัย และเชื่อมโยงทั่วทั้งประเทศ โดยสะพานนับเป็นส่วนสําคัญของโครงข่ายทางหลวง ซึ่งกรมทางหลวงมีสะพานที่อยู่ในความรับผิดชอบมากถึงกว่า 17,000 แห่ง
โดยที่ผ่านมา กรมทางหลวงได้ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบสะพาน เพื่อสร้างความอุ่นใจแก่ผู้ใช้ทาง และได้ดำเนินการนำเทคโนโลยีในการตรวจสอบสะพานที่ทันสมัย เพื่อนำมาประเมินความสมบูรณ์ของสะพาน และเตรียมการในการซ่อมบำรุง เช่น การตรวจสอบสะพานด้วยเทคโนโลยีถ่ายภาพทางอากาศด้วยอากาศยานไร้คนขับ(Drone) สามารถเก็บข้อมูลและประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ซึ่งการติดตั้งกล้องความละเอียดสูงเพื่อบันทึกข้อมูลภาพระยะไกล จะช่วยให้สามารถตรวจสอบโครงสร้างได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
รวมถึงการวิเคราะห์สะพานด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมของโครงสร้างได้อย่างแม่นยำซึ่งช่วยให้สามารถทำนายพฤติกรรมของโครงสร้างได้อย่างรวดเร็ว และการทดสอบกำลังรับน้ำหนักสะพาน ตัวอย่างเช่น สะพานกลับรถพระรามที่ 2 ซึ่งกรมทางหลวงได้ร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์และมหาวิทยาลัยวาเซดะ ประเทศญี่ปุ่น ในการนําเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการทดสอบสะพาน โดยมีการทดสอบสะพานนำร่องที่ กม. 20+470 ซึ่งผลจากการทดสอบสะพานนำร่อง จะเป็นแนวทางในการดำเนินการทดสอบสะพานกลับรถทั้ง 16 แห่ง บนถนนพระรามที่ 2 และขยายผลสู่สะพานอื่น ๆ ในโครงข่ายทางหลวงทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสะพานที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 30 ปี ต่อไป
