นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทอท. เดินหน้าพัฒนาสนามบินทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสาร
ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมาก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ในส่วนของสนามบินดอนเมืองมีปริมาณผู้โดยสารใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรหนาแน่น โดยเฉพาะบริเวณหน้าชานชาลาขาออก ชั้น 3 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เนื่องจากผู้โดยสารส่วนใหญ่ หรือมากกว่า 50% ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ และรถแท็กซี่
นายนิตินัย กล่าวว่า เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติจากโควิด-19 ทอท.จึงวางแผนก่อสร้าง“Taxi Drop Lane” เพิ่มช่องจราจรสำหรับแท็กซี่โดยเฉพาะ ไว้จอดส่งผู้โดยสาร จำนวน 2 เลน และติดตั้ง “ทางลาดเลื่อนอัตโนมัติ” พร้อมกล้องวงจรปิดและระบบปรับอากาศ มีระยะทาง 200 เมตร เชื่อมจาก Taxi Drop Lane เข้าสู่อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เพื่อลดความแออัดของการจราจรบริเวณชานชาลาขาออก ชั้น 3 และยังช่วยให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกและประหยัดเวลาในการเดินทางมากขึ้น โดย ทอม.จะดำเนินการก่อสร้าง Taxi Drop Lane จำนวน 2 จุด คือ ด้านทิศเหนือ และทิศใต้ ของอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2564 นี้
ร.ท.สัมพันธ์ ขุทรานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) กล่าวว่าถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้าง TAXI Drop Lane บริเวณอาคาร 2 ท่าอากาศยานดอนเมืองว่า ทอท. ได้ดำเนินการประกวดราคาแล้วเมื่อเดือน ม.ค.2564 ที่ผ่านมา ราคากลางอยู่ที่ประมาณ 51.8 ล้านบาท ผลปรากฏว่า บริษัท ศักดิ์ทองพูล จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล โดยเสนอราคาต่ำสุดและต่ำกว่าราคากลาง โดยขณะนี้ได้ลงนามในสัญญาจ้างไปแล้วเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา ทั้งนี้คาดว่าบริษัทจะเข้าพื้นที่เริ่มงานก่อสร้างได้ภายในเดือน มี.ค. นี้ ซึ่งผู้รับเหมาจะใช้เวลาในการก่อสร้างรวม 9 เดือน และคาดว่าจะแล้วเสร็จสามารถเปิดให้บริการในเดือน ธ.ค. 2564
