ดีแทค-ยารา ติดอาวุธเกษตรกรไทย เดินหน้า “Kaset Go” ดันเป็นคลังความรู้เกษตรแบบครบวงจร ตั้งเป้าดึงเกษตรกรเข้าร่วม 1 ล้านคน



  • เกษตรกรทั่วประเทศสามารถแบ่งปันความ แชร์ประสบการณ์ได้
  • มีผู้เชียวชาญตอบปัญหาไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังเกษตรกรตั้งคำถาม
  • พร้อมต่อยอดสู่พืชอื่นๆ และ “ข้าว”

นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน)​ หรือ ดีแทค กล่าวว่า ที่ผ่านมาเกือบ 12 ปี ดีแทคได้ร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆ เช่น กรมส่งเสริมการเกษตร และมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพเกษตรกรไทยมาโดยตลอด ทั้งนี้การร่วมกับ ยารา ประเทศไทย ในแพลตฟอร์ม Kaset Go เครือข่ายดิจิทัลชุมชนเพื่อเกษตรกรแห่งแรกของประเทศไทย จะช่วยทำให้เกษตรกรมีข้อมูลด้านการเกษตรเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้แอป Kaset Go ถือเป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วย

อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ทดลองเปิดตัวแอปพลิเคชันในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด มียอดดาวน์โหลดมากกว่า 150,000 ครั้ง และมีผู้ลงทะเบียนมากกว่า 100,000 คน ดังนั้นในปี 2564 จึงตั้งเป้าดึงเกษตรกรเข้าร่วมกว่า 1 ล้านคน จากจำนวนเกษตรกรในประเทศที่มีทั้งสิ้น 13 ล้านคน รวมทั้งยังวางแผนรวบรวมข้อมูลพืชอีก 44 ชนิด จากปัจจุบันมีข้อมูลพืชต่างๆ แล้วกว่า 52 ชนิด และเพิ่มฟังก์ชั่นต่างๆ เช่น คำเตือนสภาพอากาศ การเปรียบเทียบราคาตลาด การปล่อยสินเชื่อ เป็นต้น

“ก่อนจะสร้างแอปพลิเคชันนี้เราได้ลงไปตรวจสอบปัญหาของเกษตรกรแล้ว ซึ่งพบว่าปัญหาหลักที่เกษตรกรต้องเผชิญ มี 4 เรื่อง ได้แก่ 1.เกษตรกรอยู่ไกลจากผู้เชี่ยวชาญ 2.ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตไม่มีผู้เชียวชาญมารองรับว่าจริงหรือไม่ 3.ไม่มีใครนำวิจัยการเกษตรมาใช้เพราะเทคโนโลยีเข้าไม่ถึง และ4.ระบบเกษตรกรรมกระจัดกระจาย ซึ่งแอปพลิเคชัน Kaset go นี้ สามารถแก้ปัญหาได้ทั้งหมด เพราะแอปฯจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาเก็บไว้ และมีผู้เชี่ยวชาญในด้านการเกษตรจริงๆ มารับรองข้อมูลให้ ซึ่งเกษตรกรสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใล้ได้ฟรีๆ”

ด้านนายเมดิ เซนท์-อังเดร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยารา(ประเทศไทย)​ จำกัด และรองประธานกลุ่มธุรกิจประเทศไทย และประเทศเมียร์มา ผู้นำผลิตภัณฑ์ธาตุอาหารพืชของโลก กล่าวว่า การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้เชื่อมโยงเกษตรกรกับข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้โดยตรงซึ่งมีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญชุมชน ช่วยให้เกษตกรตัดสินใจง่ายขึ้นเวลาเกิดปัญหา

“คาดว่า Kaset go จะกลายเป็นแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในอุตสาหกรรมการเกษตรของไทย”

สำหรับแอป Kaset go ประกอบด้วย 4 ฟีเจอร์หลัก ได้แก่ 1.คำถามและคำตอบที่ได้รับการรับรอง คือ การให้เกษตรกรเข้ามาถามคำถาม แลกเปลี่ยนความรู้กันระหว่างเกษตรกรโดยมีผู้เชียวชาญเป็นคนรับรอง และจะตอบคำถามไม่เกิน 24 ชั่วโมงหลังจากเกษตรกรถามเข้ามา

2.เชื่อมต่อและแบ่งปันความรู้ คือ การสร้างคลังความรู้ต่างๆ ที่เก็บรวบรวมจากประสบการณ์ ปัญหาของเกษตรกร และการวิจัยต่างๆ เพื่อนำออกมาให้อ่านง่าย เข้าใจง่าย

3.ข้อมูลเชิงลึกที่ตรงความต้องการ และสามารถนำไปใช้ได้ทันที คือ การช่วยจัดการข้อมูลที่กระจัดกระจายมาเก็บรวบรวมไว้ในทีเดียว ซึ่งจะสามารถให้ข้อมูลกลับไปยังเกษตรกรได้อย่างทันท่วงที เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจที่ดีขึ้นสำหรับการเกษตรของตนเอง

4.บริการด้านการเกษตรแบบดิจิทัล คือ ฟีเจอร์สร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มการทำงานของแพลตฟอร์ม kaset go ได้แก่ เทคโนโลยีล้ำสมัยที่ตอบสนองความต้องการของเกษตรตามสถานที่ เช่น ราคาพืชผล การพยากรณ์อากาศ เป็นต้น

“ต่อไปจะมีการออกฟังก์ชั่น การให้สินเชื่อเกษตรกร ซึ่งทางแอปฯ จะช่วยเก็บรวบรวมข้อมูลเกษตรกรให้ เพื่อนำมาทำเป็นเครดิตสกอร์ให้แก่เกษตรกรใช้ในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเเงินต่างๆให้ง่ายขึ้น จากแต่เดิมเกษตรกรส่วนมากไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะขอสินเชื่อ รวมทั้งจะต่อยอดข้อมูลไปจนถึงข้าวของชาวนาด้วย จากปัจจุบันมีการเก็บข้อมูลแค่พืช”

ด้านนายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า ขณะนี้เกษตรกรไทยยังเป็นเกษตรแบบเดิมและมีอายุมากกว่า 55 ปี ดังนั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จึงพยายามผลักดันยังสมาร์ทฟาร์เมอร์ หรือเกษตรกรรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนกว่า 13,000 ราย ให้เข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยีเพื่อนำไปเผยแพร่แก่เกษตรกรดั้งเดิม โดยจะร่วมกับอาสาสมัครเกษตรทั่วประเทศกว่า 200,000 คน ประชาสัมพันธ์เรื่องการใช้แอปฯ kaset go ให้เกษตรกรรู้จักและหันมาใช้มากขึัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่อยากเห็นเกษตรกรไทยก้าวสู่ยุคดิจิทัล ใช้เครื่องมือทางเกษตรสมัยใหม่ได้ และเป็นไปตามร่างยุทธศาสตร์ประเทศ 20 ปี (2560-2579)​