

.ตลาดจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 1-2 พ.ย.นี้
.นักลงทุนคาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง 0.75% อีกแค่ครั้งเดียวก่อนชะลออัตราเร่งในการขึ้นดอกเบี้ย
.การเมืองสหรัฐเริ่มร้อนแรง ตลาดจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ 8 พ.ย.
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,795.23 จุด ลดลง
66.57 จุด หรือ -0.20% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 10,978.09 จุด ลดลง 124.36 จุด หรือ -1.12% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,879.20 จุด ลดลง 21.86 จุด หรือ -0.56%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% และจะเริ่มชะลอการปรับขึ้นเพียง 0.50% ในการประชุมเดือนธ.ค. หลังการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อของสหรัฐได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อในยุโรป ยังคงปรับเพิ่มขึ้น สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 10.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2540 หลังจากแตะระดับ 9.9% ในเดือนก.ย
นักลงทุนยังจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 พ.ย. และเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยจะมีการชิงชัยเก้าอี้ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจำนวน 435 ที่นั่ง รวมทั้งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 35 ราย จากทั้งหมด 100 ราย นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 39 มลรัฐ รวมทั้งการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกจำนวนมาก
ทั้งนี้ หากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเหนือพรรคเดโมแครต ก็จะทำให้การผ่านกฎหมายต่างๆ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นไปอย่างยากลำบาก ท่ามกลางคะแนนนิยมที่ตกต่ำของปธน.ไบเดนในขณะนี้
และแม้ยังไม่ถึงวันที่ 8 พ.ย. แต่สหรัฐได้เปิดให้มีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าสำหรับการเลือกตั้งกลางเทอมแล้ว โดยขณะนี้มีไปผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้วมากกว่า 20 ล้านคน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้เดินทางไปใช้สิทธิหย่อนบัตรเลือกตั้งกลางเทอมที่รัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมกับนาตาลี หลานสาววัย 18 ปี ซึ่งไปใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรก
ผลการสำรวจของ RealClearPolitics พบว่า พรรครีพับลิกันสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหลังการเลือกตั้งกลางเทอม จากปัจจุบันที่พรรคเดโมแครตมีเสียงข้างมากอยู่เล็กน้อย ส่วนการเลือกตั้งในวุฒิสภาจะเป็นไปอย่างสูสีระหว่างพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ซึ่งก่อนการเลือกตั้งทั้งสองพรรคมีคะแนนเสียงเท่ากันอยู่ที่ 50-50