ดาวโจนส์ร่วงแรง 569จุด กังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตร-เงินเฟ้อพุ่ง



.ตลาดกังวลถ้อยแถลงพาวเวล-เยลเลน ระบุเงินเฟ้อส่อฟุ่งกระทบเศรษฐกิจ
.นักลงทุนจับตาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว-ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภร่วง
.อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่ง กดดันหุ้นร่วงแทบทุกกลุ่ม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 28 ก.ย ที่ 34,299.99 จุด ลดลง 569.38 จุด หรือ -1.63% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,352.63 จุด ลดลง 90.48 จุด หรือ -2.04% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,546.68 จุด ลดลง 423.29 จุด หรือ -2.83%

หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยโดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลดลงแรง จากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ มาจากโดยสาเหตุของ
ความวิตกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดถึง 1 ปี

รวมทั้ง การเพิ่มขึ้นของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปียังจะทำให้บริษัทต่าง ๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนักถึง 2.98% โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 3.66% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.62% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.38% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.72% หุ้น Nvidia ร่วงลง 4.44% หุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 2.64% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.48%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับเกือบ 4% ภายในสิ้นปีนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความขัดแย้งในสภาคองเกรสเกี่ยวกับการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวและการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ หลังมีรายงานว่า วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันได้ขัดขวางร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลให้หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐต้องปิดการดำเนินงานในสิ้นเดือนนี้ เนื่องจากขาดงบประมาณ และรัฐบาลสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 109.3 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. จากระดับ 115.2 ในเดือนส.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 114.5 โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.46% ตามราคาน้ำมันโลกที่พุ่งสูงขึ้น และเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่ปิดในแดนบวก โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 1.63% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 1.13% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.05% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 0.38%