

.เจ้าหน้าที่ระดับสูงเฟด ระบุ การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายขณะนี้ยังไม่เพียงพอ
. นักลงทุนเทขายหุ้นลดความเสี่ยง หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี พุ่งเหนือระดับ 4.4%
.ตลาดกังวลการกลับมาแข็งค่าของดอลลาร์ กดดันต้นทุน-กำไรบริษัทจดทะเบียน
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 33,257.70 จุด ลดลง 296.13 จุด หรือ -0.88% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,032.06 จุด ลดลง 151.60 จุด หรือ -1.36% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,911.58 จุด ลดลง 47.21 จุด หรือ -1.19%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดีดตัวเหนือระดับ 4.4% และอยู่สูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปี ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย
นักลงทุนกังวลการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดอีกครั้ง หลังนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในขณะนี้ ยังไม่ได้อยู่ในช่วงที่มีความเข้มงวดเพียงพอ ขณะที่นางเอสเธอร์ จอร์จ ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องทำให้เศรษฐกิจหดตัวลงเพื่อให้เงินเฟ้อชะลอตัว ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงมีความตึงตัว
ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงทุกกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มการเงิน ซึ่งถูกมองว่าได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น
ด้านบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน เปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาดในช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 2/2565 ตามปีงบการเงินบริษัท โดยได้รับผลกระทบจากการบริโภคที่ชะลอตัว รวมทั้งการที่รัฐบาลจีนใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19