ดาวโจนส์ร่วงต่อกว่า 60 จุด บรรกยากาศยังอึมครึมรับวันแรกเดือนมี.ค.

NEW YORK CITY - September 3: Charging Bull sculpture with people on September 3, 2015 in New York City. The sculpture is both a popular tourist destination, as well as "one of the most iconic images of New York".


.ห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ เปิดเผยผลประกอบการไม่น่าพอใจ

.นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยง จับตาทิศทางภาวะเศรษฐกิจ-ผลตอบแทนพันธบัตร

.ผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 6% ในสัปดาห์ที่แล้ว รับผลกระทบดอกเบี้ยขึ้น

เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 32,589.51 จุด ลดลง
67.19 จุด หรือ -0.21% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 11,388.21 จุด ลดลง 67.33 จุด หรือ -0.59% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 3,948.24 จุด ลดลง 21.91 จุด หรือ -0.55%

ดัชนีดาวโจนส์วันแรกของเดือนมี.ค. ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทค้าปลีก
บริษัทโคห์ลส์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยว่าบริษัทประสบภาวะขาดทุนในไตรมาส 4/2565 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าบริษัทจะมีกำไร นอกจากนี้ รายได้ของบริษัทยังต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

ส่วนบริษัทโลว์ส ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ และเป็นคู่แข่งของบริษัทโฮม ดีโปท์ อิงค์ แม้ว่าจะเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2565 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้ต่ำกว่าคาด

นักลงทุนยังคงกังวลการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะนานกว่าที่คาดไว้ สอดคล้อกับการดีดตัวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ซึ่งใช้อ้างอิงกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก รวมถึงอัตราดอกเบี้ย
ข้อมูลจากสมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ ระบุว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยของสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของสหรัฐได้พุ่งขึ้นเหนือระดับ 6.7% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2565 โดยปรับตัวตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองส่งผลให้จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยลดลง 6% ในสัปดาห์ที่แล้ว แตะระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี และดิ่งลง 44% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้ จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 6% ในสัปดาห์ที่แล้ว และดิ่งลง 74% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นักลงทุนเกาะติดการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทกลุ่มค้าปลีกในสัปดาห์นี้ เพื่อจับตาผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมทั้งการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในสัปดาห์หน้า

อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่ผ่านมา The Stock Trader?s Almanac ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักปรับตัวขึ้นในเดือนมี.ค โดยปรับขึ้ตลอดทั้งเดือน ก่อนนักลงทุนขายหุ้นเพื่อทำกำไรในช่วงท้ายเดือนมี.ค. ก่อนปิดงบการเงินไตรมาสแรกของทุกปี