

.นักลงทุนเทขายหุ้นทุกกลุ่ม ผิดหวังตัวเลขจ้างงานออกมาดี กดดันเฟดลดดอกเบี้ย
.ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดในเดือน ก.ย.
.นักลงทุนกลับมาเพิ่มคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%
เมื่อเวลาประมาณ 21.40 น.ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,523.45 จุด ลดลง 403.49 จุดหรือ-1.35%ขณะที่ดัชนี S&P 500 อยู่ที่ 3667.11จุด ลดลง 77.41 จุด ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ลดลง 296.52 จุด หรือ-2.68% โดยล่าสุดอยู่ที่ 10776.79 จุด
หุ้นปรับตัวลงทุกกลุ่ม ไม่เว้นแม้แต่หุ้นกลุ่มการเงิน ซึ่งถูกมองว่าจะได้อานิสงส์จากการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนกังวล ตัวเลขจ้างงานที่สูงกว่าคาดดัง และอัตราว่างงานที่ลดลงสู่ระดับ 3.5% ในเดือนก.ย. เป็นการบ่งชี้ความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานสหรัฐ และจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 250,000 ตำแหน่ง แต่ต่ำกว่าระดับ 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% จากระดับ 3.7% ในเดือนส.ค.
นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนพ.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 82.3% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนัก 77.1%
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนพ.ย. ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 หลังจากปรับขึ้น 0.75% ในเดือนมิ.ย.,ก.ค.และก.ย.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐหลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานดังกล่าว
ตลาดหุ้นจับตารายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนก.ย.ในวันที่ 12 ต.ค. และตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันที่ 13 ต.ค. เพื่อหาสิ่งบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด