ดาวโจนส์ร่วงกว่า 90 จุด จับตาทิศทางดอกเบี้ยจากรายงานเฟด



  • ตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 0.25% ในการประชุมเดือนนี้
  • นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย. และสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่เฟด รวมทั้งรอดูทิศทางเศรษฐกิจ
  • ตลาดกังวลความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐฯ หนักขึ้น กระทบการค้าการลงทุน

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,325.00 จุด ลดลง93.47 จุด หรือ  -0.27% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,824.36 จุด เพิ่มขึ้น  7.59 จุด หรือ +0.05% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,452.70 จุด ลดลง 2.89 จุด หรือ -0.06%

นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย รวมทั้งติดตามการแสดงความเห็นของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของสมาคม Central Bank Research Association (CEBRA) ที่นิวยอร์กในวันนี้เช่นกัน เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ข้อมูลจากรีฟินิทิฟ (Refinitiv) ระบุว่า นักลงทุนมองว่า มีโอกาส 83% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ในการประชุมเดือนก.ค. และคาดว่ามีความเป็นไปได้ 32% ที่เฟดจะปรับดอกเบี้ยขึ้นอีกในเดือนต.ค.นี้

ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยวันนี้ว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. และหากไม่นับรวมคำสั่งซื้อยานยนต์และเครื่องบินแล้ว ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานจะปรับตัวลดลง 0.5%

ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมหมวดเครื่องบิน เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค. โดยยอดสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นมาตรวัดความเชื่อมั่น และแผนการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ

ขณะที่ตลาดได้รับปัจจัยลบจากความตึงเครียดระหว่างจีนกับสหรัฐ และข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของจีน ทั้งนี้ิ รัฐบาลจีนออกได้มาตรการควบคุมการส่งออกโลหะกัลเลียม (Gallium) และเจอร์มาเนียม (Germanium) ซึ่งเป็นโลหะที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์, สื่อสารโทรคมนาคม และรถยนต์ไฟฟ้า โดยการประกาศมาตรการดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่สงครามการค้าด้านเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐและยุโรปกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด