

.ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ไตรมาส 3 ยังเป็นปัจจัยหลักชี้ทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
.นักลงทุนขายหุ้นลดความเสี่ยง กังวลตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงกระทบหุ้นกลุ่มธนาคาร
.ตลาดติดตามการประชุมธนาคารกลางทั่วโลก ติดตามการปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบายการเงิน
จุด หรือ -0.74%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,551.68 จุด ลดลง 23.11 จุด หรือ -0.51% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 15,235.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.12 จุด หรือ 0.00%
นักลงทุนซื้อขายหุ้นเก็งผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยมีแรงเทขายหลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่่ผ่านมา โดยมีความกังวลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐลดลงกระทบหุ้นกลุ่มธนาคาร รวมทั้งจับตาทิศทางนโยบายการเงิน และดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลก โดยมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จัดการประชุมในวันอังคารและพุธหน้า จะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมครั้งนี้
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง 1.69% หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีและ 30 ปีร่วงลงเมื่อคืนนี้ ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรของภาคธนาคารในสภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.59% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.92% หุ้นเจพีมอร์แกน ดิ่งลง 2.05% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.55% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.12%
หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ซึ่งเป็นบริษัทยารายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลง 0.86% หลังเมอร์คอนุญาตให้บริษัทยาทั่วโลกสามารถผลิตยาโมลนูพิราเวียร์โดยไม่เรียกเก็บค่ารอยัลตี ซึ่งจะทำให้บริษัทสูญเสียรายได้จำนวนมาก
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.86% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 3.98% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.6% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 1.79% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.79% หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.53% หลังโบอิ้งเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 60 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 3 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 20 เซนต์/หุ้น โดยได้รับผลกระทบจากปัญหาในการผลิตเครื่องบินรุ่น 787 Dreamliners ซึ่งทำให้บริษัทต้องชะลอการส่งมอบเครื่องบินรุ่นดังกล่าว
หุ้น Robinhood ซึ่งเป็นบริษัทโบรกเกอร์ออนไลน์ที่ให้บริการซื้อขายหุ้นผ่านแอปพลิเคชั่นโดยไม่คิดค่าธรรมเนียม ปิดตลาดร่วงลง 10.44% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ 365 ล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 431.5 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของวอลุ่มการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
อย่างไรก็ดี มีแนงซื้อในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังบริษัทอัลฟาเบทและไมโครซอฟท์เปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยหุ้นอัลฟาเบทปิดตลาดพุ่งขึ้น 4.96% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 อยู่ที่ระดับ 27.99 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของ Refinitiv คาดการณ์ไว้ที่ 23.48 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 4.21% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 30 ก.ย. 2564 เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.532 หมื่นล้านดอลลาร์ จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 3.715 หมื่นล้านดอลลาร์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.397 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความต้องการที่สูงขึ้นในด้านบริการคลาวด์
หุ้นโคคา-โคล่า ดีดตัวขึ้น 1.95% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 65 เซนต์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 58 เซนต์/หุ้น
นักลงทุนจับตาทิศทางการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งทั้งในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า โดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะจัดการประชุมในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียจะจัดการประชุมในวันอังคารหน้า เชนเดียวกับ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จัดการประชุมในวันอังคารและพุธ ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางนอร์เวย์จัดการประชุมในวันพฤหัสบดี โดยมองว่า BoE จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ด้านตัวเลขเศรษฐกิจ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 0.4% ในเดือนก.ย. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของยอดสั่งซื้อรถยนต์และเครื่องบิน