ดาวโจนส์พุ่งต่อกว่า 340 จุด ขานรับผลประกอบการบริษัทดีกว่าคาด

Business team investment trading do this deal on a stock exchange. People working in the office.


  • นักลงทุนยังซื้อหุ้นต่อเนื่อง รอเก็งกำไรผลประกอบการบริษัทที่ส่วนใหญ่ออกมาดีเกินคาด
  • ตลาดจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟด หาทิศทางอัตราดอกเบี้ย
  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ชะลอตัวลง ช่วยหนุนตลาด

เมื่อเวลาประมาณ 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เคลื่อนไหวที่ระดับ 35,259.80 จุด เพิ่มขึ้น
348.60 จุด หรือ +1.00% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,583.14 จุด ลดลง 36.52 จุด หรือ -0.27% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500เคลื่อนไหวที่ระดับ 4,482.16 จุด เพิ่มขึ้น 19.95 จุด หรือ +0.45%

ผลประกอบการบริษัทที่ทยอยออกมาดีกว่าคาด ช่วยหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยดัชนีดาวโจนส์ทะลุ 35,000 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านรอบนี้ไปได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ดัชนีแนสแด็กอยู่ในแดนลบเล็กน้อย หลังจากเน็ตฟลิกซ์ เผยผลประกอบการแย่กว่าคาด

ทั้งนี้ ราคาหุ้นของบริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้นเกือบ 3% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเทสลา อิงค์ ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังปิดตลาดวันนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะที่ราคาหุ้นบริษัทเบเกอร์ ฮิวจ์ ดิ่งกว่า 8% หลังเปิดเผยผลประกอบการต่ำกว่าคาด

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ชะลอตัวลง หลังจากพุ่งขึ้นวานนี้แตะระดับ 2.94% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2561 ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ดัชนียังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นักลงทุนจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ขณะที่ ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.ท่ามกลางการแสดงความเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตาและชิคาโกที่แนะนำให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ