ดาวโจนส์ผันผวนติดลบเล็กน้อยกว่า 3 จุด รอปัจจัยใหม่หนุนตลาด



. นักลงทุนจับตารายงานการประชุมเดือนม.ค.ของเฟด หาปัจจัยหนุนเศรษฐกิจ
.ตลาดผันผวน รอดูปัจจัยใหม่หนุนดัชนีไปต่อ หลังดีดขึ้นมาต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา
.ตัวเลขค้าปลีก-ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.ออกมาดีกว่าคาด ชี้เศรษฐกิจเริ่มฟื้น

เมื่อเวลา 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 31,518.88
จุด ลดลง 3.87 จุด หรือ -0.01% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,951.16 จุด ลดลง 96.34 จุด หรือ -0.69%
ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,918.99 จุด ลดลง 13.60 จุด หรือ -0.35%


ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เปิดในแดนลบ และเคลื่อนไหวผันผวน เพื่อรอดูทิศทางเศรษฐกิจและข่าวใหม่ๆ ที่จะมากระตุ้นตลาด หลังดัชนีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความกังวลอยู่ในจุดที่สูงเกินและอาจจะมีการปรับฐาน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขภาพรวมเศรษฐกิจที่ออกมาดีกว่าที่คาด เป็นแรงหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและช่วยพยุงดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯไม่ให้ร่วงลงแรง โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังมีแรงขายต่อเนื่องจากวันก่อน


นักลงทุนจับตารายงานการประชุมเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณเมื่อเร็วๆนี้ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน รวมทั้งติดตามความคืบหน้าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่


อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกาศวันนี้ออกมาดี กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2552 เนื่องจากราคาต้นทุนสินค้าและบริการพุ่งขึ้น บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อที่หน้าประตูโรงงานเริ่มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ทั้งนี้ ดัชนี PPI เดือนม.ค. เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ปรับตัวขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนธ.ค. เทียบรายปี ดัชนี PPI ปรับตัวขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธ.ค.
ขณะที่ดัชนี PPI พื้นฐาน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหาร พลังงาน และภาคบริการ เพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PPI พื้นฐานเดือนม.ค. พุ่งขึ้น 2.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.1% ในเดือนธ.ค.


ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดีดขึ้นแข็งแกร่ง 5.3% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยได้แรงหนุนจากการที่ชาวอเมริกันได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ซึ่งช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้กลับมากระเตื้องขึ้นหลังจากที่หยุดชะงักจากการโควิด-19 ระลอกล่าสุดเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา


การเพิ่มขึ้นของยอดค้าปลีกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกจะดีดตัวขึ้น 1.1% ในเดือนม.ค. หลังจากที่ลดลง 1.0% ในเดือนธ.ค.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร พุ่งขึ้น 6.0% ในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 2.4% ในเดือนธ.ค.