

- คนกังวลพิษโควิด ดันดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลดลงในเดือนพ.ค.
- นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นเทคโนโลยี และหุ้นที่ได้รับผลดีจากการฟื้นเศรษฐกิจ
- ตลาดจับตาการประมาณตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1ครั้งที่ 2
เมื่อเวลา 22.25 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 34,362.61 จุด ลดลง 31.37 จุด หรือ
ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,671.52 จุด เพิ่มขึ้น 10.35 จุด หรือ +0.08% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 4,192.85 จุด ลดลง 4.20 จุด หรือ -0.10%
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวผันผวนทั้งในแดนลบและบวก โดยตลาดได้แรงหนุนจากนายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ยืนยันที่จะสนับสนุนการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินของเฟด แม้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้น ส่งผลให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มสายการบิน และธุรกิจเรือสำราญ ปรับตัวขึ้น
นอกจากนั้น ตลาดยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2564 (ประมาณการครั้งที่ 2) ในวันพฤหัสบดี ท่ามกลางความไม่ชัดเจน โดยผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 117.2 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 117.5 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 119.2 ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นร่วงลงจากการที่ผู้บริโภคมีความวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการชะลอตัวของตลาดแรงงาน
ด้านผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 13.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2548 และเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 10 หลังจากเพิ่มขึ้น 12% ในเดือนก.พ.
อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 5.9% สู่ระดับ 863,000 ยูนิตในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 970,000 ยูนิต โดยกระทรวงพาณิชย์ยังได้ปรับลดยอดขายบ้านใหม่ในเดือนมี.ค.สู่ระดับ 917,000 ยูนิต จากเดิมรายงานที่ระดับ 1.021 ล้านยูนิต
ทั้งนี้ ยอดขายบ้านใหม่ได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งสูง ขณะที่สต็อกบ้านในตลาดลดลง โดยยอดขายบ้านใหม่ลดลงในแทบทุกภูมิภาค ยกเว้นเพิ่มขึ้นในภาคตะวันตก อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 48.3% ในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณายอดขายบ้าน และสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 4.4 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.0 เดือนในเดือนมี.ค.
ราคาหุ้นโมเดอร์นาพุ่งขึ้น 1.64% ในวันนี้ หลังเปิดเผยว่า วัคซีนของบริษัทมีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันไวรัสโควิด-19 สำหรับวัยรุ่นอายุ 12-17 ปี โดยบริษัทจะยื่นเรื่องในเดือนมิ.ย.เพื่อขออนุมัติต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อให้มีการใช้วัคซีนโควิด-19 สำหรับวัยรุ่นอายุ 12-17 ปีในกรณีฉุกเฉิน
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทกลุ่มค้าปลีกหลายแห่งจะประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้