ดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 417จุด คาดเฟดเริ่มชะลอการขึ้นดอกเบี้ย



.นักลงทุนเริ่มซื้อหุ้นสะสม หลังคาดเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% แค่เดือน พ.ย.
.ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สหรัฐ ต่ำสุดในรอบ 2 เดือน แสดงอาการชะลอของเศรษฐกิจ
.ตลาดจับตาผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่-ประกาศตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 24 ต.ค.ที่ 31,499.62 จุด พุ่งขึ้น 417.06 จุด หรือ +1.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,797.34 จุด เพิ่มขึ้น 44.59 จุด หรือ +1.19% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,952.61 จุด เพิ่มขึ้น 92.90 จุด หรือ +0.86%

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มแสดงความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบจากการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงในการคุมเข้มนโยบายการเงินมากเกินไป โดยแสดงความต้องการที่จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ และเตรียมส่งสัญญาณอนุมัติการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ลดต่ำลงในเดือนธ.ค.

นักลงทุนให้น้ำหนัก 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย.นี้ แต่ลดการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือน ธ.ค.ปัจจัยดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดลงบ้าง

นอกจากนั้น ยังมีปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ชะลอลง เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 47.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 49.5 ในเดือนก.ย. โดยดัชนี PMI ถูกกดดันจากการหดตัวของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี

ทั้งนี้ ดัชนี PMI ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว และเป็นการหดตัวติดต่อกันเดือนที่ 4

ปีเตอร์ ทุซ นักวิเคราะห์จากบริษัทเชส อินเวสต์เมนท์ คอนเซลในรัฐเวอร์จิเนียกล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังชะลอตัวลงและสิ่งที่เฟดกำลังทำนั้นเริ่มได้ผล นอกจากนี้ ข้อมูลดังกล่าวยังทำให้ตลาดคาดหวังว่าเฟดอาจจะชะลอการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นอิไล ลิลลี่ พุ่งขึ้น 2.09% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ทะยานขึ้น 3.41% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ บวก 1.44% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เพิ่มขึ้น 1.40%

หุ้นเทสลา ลดลง 1.49% หลังจากบริษัทประกาศลดราคารถยนต์เทสลารุ่น Model 3 และ Model Y ที่จำหน่ายในประเทศจีนลง 9%

นอกจากนั้น หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งรวมถึงหุ้นอาลีบาบา โฮลดิ้งส์ หลังนักลงทุนกังวลงจีนจะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการควบคุมเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของจีน

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทขนาดใหญ่ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ อาทิเช่น แอปเปิล, อัลฟาเบท, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์ และเมตา แพลทฟอร์มส์ ยูไนเต็ด พาร์เซล เซอร์วิส (ยูพีเอส), โบอิ้ง, ฟอร์ด มอเตอร์, 3M, เจเนอรัล มอเตอร์, เชฟรอน และเอ็กซอน โมบิล

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3 ของสหรัฐ