ดาวโจนส์ปิดร่วง 339 จุด คาดเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย หลังตัวเลขคนว่างงานลด



.นักลงทุนเทขายหุ้น กังวลผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.

.ตลาดหุ้นวิตก ตลาดแรงงานแข็งแกร่งกดดันเฟดกลับมาเร่งขึ้นดอกเบี้ย

.นักวิเคราะห์เพิ่มคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน ก.พ.จากเดิมขึ้น 0.25%

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 5ม.ค.ที่ 32,930.08 จุด ร่วงลง 339.69 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,808.10 จุด ลดลง 44.87 จุด หรือ -1.16% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส

นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอีกครั้ง หลังกังวลว่าข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐจะเป็นปัจจัยกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 19,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 225,000 ราย

ด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 153,000 ตำแหน่ง จากระดับ 127,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.

แอนโทนี ซากลิมบีน นักวิเคราะห์จากบริษัท Ameriprise กล่าวว่า “เห็นได้ชัดว่าข่าวดีเกี่ยวกับตลาดแรงงานกำลังกลายเป็นข่าวร้ายสำหรับตลาดหุ้น ข้อมูลแรงงานที่มีการเปิดเผยล่าสุดสะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และตราบใดที่ตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่ง เฟดก็จะยังคงคุมเข้มนโยบายการเงินเพื่อฉุดเงินเฟ้อให้ต่ำลง”

นักลงทุนเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนก.พ. หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่ง โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 45.9% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ให้น้ำหนักเพียง 27.2%

หุ้นที่อ่อนไหวต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้นปรับตัวลดลง โดยหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 2.9% และดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 2.2% โดยหุ้นโจนส์ แลง ลาซาลล์ ร่วงลง 1.61% หุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ร่วงลง 1.35% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 1.47%

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.99% สวนตลาดหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 3.03% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่ง 2.24% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.35%

หุ้นเทสลา ร่วงลง 2.9% หลังจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีนลดลง 44% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 55,796 คัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน

หุ้นแอมะซอน ดิ่งลง 2.37% หลังจากนายแอนดี แจสซี ซีอีโอของแอมะซอนยืนยันว่า แอมะซอนจะปลดพนักงานกว่า 18,000 คน ซึ่งมากกว่าที่วางแผนไว้ก่อนหน้านี้

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ทรุดตัวลง 29.88% หลังบริษัทเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการยื่นล้มละลาย

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนธ.ค.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 200,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 263,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.7%