

ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 76 จุด รอทิศทางเศรษฐกิจ-ผลประกอบการนักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) สัปดาห์สุดท้ายเดือนนี้
- หุ้นเทคโนโลยีดีดขึ้น ช่วยหนุนดัชนีตลาดปิดในแดนบวก
- ตลาดจับตาทิศทางเศรษฐกิจ-ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 17ก.ค.ที่ 34,585.35 จุด เพิ่มขึ้น 76.32 จุด หรือ +0.22% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,522.79 จุด เพิ่มขึ้น 17.37 จุด หรือ +0.39% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,244.95 จุด เพิ่มขึ้น 131.25 จุด หรือ +0.93%
ตลาดได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่จะทยอยประกาศในสัปดาห์นี้ รวมทั้ง ทิศทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 25-26 ก.ค. ขณะที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period)
นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ค. และให้น้ำหนักเพียง 3.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.33% และดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินเพิ่มขึ้น 1% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ร่วงลง 1.18% และ 0.83% ตามลำดับ
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 1.73% หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของแอปเปิ้ลขึ้นสู่ระดับ 220 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 190 ดอลลาร์ โดยระบุว่ายอดขายของแอปเปิ้ลในอินเดียมีแนวโน้มสดใส
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทประกาศผลิตรถกระบะไฟฟ้า ไซเบอร์ทรัค (Cybertruck) เป็นครั้งแรก หลังจากที่เลื่อนการผลิตเป็นเวลา 2 ปี
หุ้นแอคติวิชัน บลิซซาร์ด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเกมรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 3.49% หลังจากบริษัทไมโครซอฟท์ลงนามในข้อตกลงที่จะให้เกม “Call of Duty” อยู่บนเครื่องเล่นวิดีโอเกมเพลย์สเตชัน (PlayStation) ต่อไป หลังการเข้าซื้อกิจการของแอคติวิชัน บลิซซาร์ด โดยแอคติวิชันเป็นผู้ผลิตวิดีโอเกมยอดนิยม เช่น Call of Duty, World of Warcraft และ Diablo รวมทั้งเกมยอดฮิตบนโทรศัพท์มือถืออย่าง Candy Crush Saga
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 5.94% หลังจากบริษัทประกาศลดรถราคารถบรรทุกไฟฟ้ารุ่น F-150 Lightning ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในธุรกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
นักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึ เทสลา, เน็ตฟลิกซ์, แบงก์ ออฟ อเมริกา, มอร์แกน สแตนลีย์, โกลด์แมน แซคส์ และยูไนเต็ด แอร์ไลน์
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ FactSet คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 7% ในไตรมาส 2/2566 ซึ่งจะเป็นผลประกอบการที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ Refinitiv คาดการณ์ว่า บริษัทในดัชนี S&P500 จะรายงานตัวเลขกำไรลดลง 6.4% ในไตรมาส 2/2566