ดาวโจนส์ปิดบวก 64 จุด ขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใกล้คลอด



  • นักลงทุนคาด สภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน
  • มีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร แต่ขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
  • ตลาดจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน-รายงานเฟด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 16 ก.พ.ที่ 31,522.75 จุด เพิ่มขึ้น 64.35 จุด หรือ +0.20%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,932.59 จุด ลดลง 2.24 จุด หรือ -0.06% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,047.50 จุด ลดลง 47.97 จุด หรือ -0.34%

นักลงทุนมีความหวังว่า สภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคเอกชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยขณะนี้ประธานาธิบดีถไบเดนกำลังผลักดันให้สภาคองเกรสอนุมัติมาตรการดังกล่าวเพื่อที่จะมอบเช็คเงินสด 1,400 ดอลลาร์แก่ชาวอเมริกัน และเพิ่มเงินชดเชยให้แก่ประชาชนที่ตกงาน

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 2.26% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นเหนือระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรลเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปี เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นจัดจนถึงขั้นติดลบได้ส่งผลให้โรงกลั่นหลายแห่งในรัฐเท็กซัสต้องปิดการดำเนินงานชั่วคราว นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดว่า อุตสาหกรรมพลังงานจะได้ประโยชน์เมื่อสหรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ

หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.01% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 2.05% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ทะยานขึ้น 3.58% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 4.21%

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 3.79% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.41% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ บวก 1.93% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 1.81%

หุ้นกลุ่มธุรกิจบล็อกเชนพุ่งขึ้น หลังจากราคาบิตคอยน์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 50,000 ดอลลาร์ครั้งแรกเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้ โดยหุ้น Long Blockchain พุ่งขึ้น 11.52% หุ้น Riot Blockchain พุ่งขึ้น 20.74% หุ้น Marathon Patent พุ่งขึ้น 13.26 % หุ้น Silvergate Capital บวก 8.3%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงและเป็นปัจจัยฉุดดัชนีแนสแด็ก ปิดในแดนลบ โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.61% หุ้นแอมะซอนดอทคอม ลบ 0.27% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.53% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ปรับตัวลง 0.3%

นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงบริษัทฮิลตัน เวิลด์ไวด์ โฮลดิ้งส์, ไฮแอท โฮเทล คอร์ป, แมริออท อินเตอร์เนชันแนล และ TripAdvisor

นอกจากนี้ ยังติดตามรายงานการประชุมเดือนม.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ เพื่อจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณเมื่อเร็วๆนี้ว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน

ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานล่าสุดว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ปรับตัวขึ้น 8.6 จุด แตะระดับ 12.1 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.9 โดยดัชนีมีค่าเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 เพราะได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่ภาคธุรกิจยังคงมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น