ดาวโจนส์ปิดบวก 221 จุด เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด



.เฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50%

.นักลงทุนซื้อหุ้นสะสม หลังนายพาวเวลส่งสัญญาณยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น

.การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 113,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. แต่ต่ำกว่าตคาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 1 พ.ย.ที่ 33,274.58 จุด เพิ่มขึ้น 221.71 จุด หรือ +0.67%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,237.86 จุด เพิ่มขึ้น 44.06 จุด หรือ +1.05% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 13,061.47 จุด เพิ่มขึ้น 210.23 จุด หรือ +1.64%

นักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นสะสม หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด และการแสดงความเห็นของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ทำให้นักลงทุนมีมุมมองบวกว่าเฟดได้เสร็จสิ้นภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (1 พ.ย.) ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้

แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดส่งสัญญาณว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในอนาคตเนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 3 อย่างไรก็ดี เฟดยอมรับว่าภาวะการเงินที่มีความตึงตัวมากขึ้นนั้นได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า กรรมการเฟดจะใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน แม้ยังไม่มั่นใจว่าภาวะการเงินในขณะนี้มีความเข้มงวดมากพอที่จะทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่ระดับต่ำตามที่เฟดต้องการหรือไม่

ปีเตอร์ คาร์ดิลโล นักวิเคราะห์จากบริษัท Spartan Capital Securities แสดงความเห็นว่า แถลงการณ์ของคณะกรรมการเฟดและนายพาวเวลสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของการไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย (Dovish) นอกจากนี้ การที่เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 2 ครั้ง นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดอาจจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็หมายความว่าภารกิจการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดได้ยุติลงแล้ว

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุด โดยปรับตัวขึ้น 2% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารดีดตัวขึ้น 1.8% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.3% และดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคปรับตัวลง 0.06%

ตลาดยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังจากกระทรวงการคลังสหรัฐประกาศแผนการประมูลพันธบัตรรัฐบาลที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยนักลงทุนให้ความสำคัญกับการประมูลพันธบัตรของกระทรวงการคลังสหรัฐ เพื่อประเมินทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร

ด้านออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 113,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 130,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 89,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 46.7 ในเดือนต.ค. จากระดับ 49.0 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.2

นอกจากนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 56,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 9.553 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9.250 ล้านตำแหน่ง

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 188,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากพุ่งขึ้น 336,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนต.ค.