- ยูเครนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินโดยมีผลบังคับใช้เป็นเวลา 30 วัน
- นักลงทุนวิตกกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย
- ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน หวั่นความขัดแย้งยูเครนฉุดเศรษฐกิจโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 23 ก.พ.ที่ 33,131.76 จุด ร่วงลงต่อเนื่องอีก464.85 จุด หรือ-1.38%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,225.50 จุด ลดลง 79.26 จุด หรือ -1.84% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 13,037.49 จุด ลดลง 344.03 จุด หรือ -2.57%
ตลสดหุ้นสหรัฐผันผวน จับตาสถานการ์การเกิดสงครามเต็มรูปแบบในยูเครน โดยในบางช่วงดัชนีดีดขึ้นในแดนบวกเนื่องจากมีแรงช้อนซื้อหุ้นเข้ามา หลังจากดัชนีลดลงมากในช่วงก่อนหน้า ขณะที่นักวิเคราะห์บางรายมองสงครามยูเครนกระทบเศรษฐกิจสหรัฐไม่มาก อย่างไรก็ตาม ยังสู้แรงขายไม่ได้ ที่กังวลต่อผลกระทบที่มีต่อราคาน้ำมันและเศรษฐกิจโลกไม่ได้ กดดัชนีปิดติดลบ
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สหรัฐยังไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ที่แสดงว่ารัสเซียจะล่าถอยหรือยุติวามขัดแย้งในยูเครน อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวระบุว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่มีความตั้งใจที่จะส่งทหารสหรัฐไปสู้รบในยูเครน
ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า รัสเซียได้เริ่มอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตรัสเซียในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ซึ่งเป็นอีกสัญญาณที่บ่งชี้ว่า รัสเซียอาจจะบุกโจมตียูเครน แม้ชาติตะวันตกได้ประกาศมาตรการคว่ำบาตรต่อการที่รัสเซียส่งทหารเข้าควบคุมสองแคว้นทางตะวันออกของยูเครนหลังให้การรับรองเอกราช
ลิซ ยัง หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทโซฟีระบุว่า “บรรดานักลงทุนวิตกเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์”
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
นักลงทุนจะจับตาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ ซึ่งอาจเร็วและแรงกว่าที่คาดไว้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 40 ปี
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.นี้
ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 2-3 มี.ค.
